http://www.madoocinema.com/play.php?movie=2529
ฉันจำไม่ได้ว่าดูหนัง(ในโรง)ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่??? เพราะเวลาไปดูที่ไรมักจะหลับเสมอ ฮา! และหลังก็ไปนิยมชมชอบเกาหลีฟีเวอร์ซะส่วนมาก แต่แลเวหนังที่ฉันเพิ่งได้ดู(The Nanny Diaries 2007) OMG!! ไปอยู่ไหนมา?? อย่างที่บอกนั้นแหล่ะเรื่องบางเรื่องเรามักมองข้ามไม่ได้ให้ความสนใจจนกระทั่งเราต้องการมันเราจึงจะเห็นว่ามันจำเป็น ฉันจำได้ว่าฉัน Search nanny ฉันได้เจอหนังเรื่องนี้ และก็........................เก็บมันเอาไว้ (Post ใน FB บ้าง Mail บ้างอะไรบ้าง แล้วก็........ลืมบ้างอะไรบ้าง 555) แน่นอนที่สุดเมื่อคืนที่มา ในขณะที่นั่งเช็คWevsiteต่างๆเพื่อนำมาลงใน Blog (ข้อมูลดีดีข้างล่างนี้แหล่ะค่ะ) ก็เลือบไปเห็นเว็บๆหนึ่งที่เก็บไว้ จึงเปิดดู ก็เลยเห็นว่าอืมมมจริงสิเรายังไม่ได้ดูเลยนี้หว่า 555+
ว่าแล้วก็ดูซะ สิ่งที่ฉันได้จากเรื่องนี้ก็คือ ยิ่งดูยิ่งเห็นตัวเอง ฮา! ไม่ว่าาจะเป็น........................
1. นางเอกสวย เอ้ยยยไม่ใช่ (อันนี้คิดเอาเองว่าเหมือน ฮา!) นางเอกดรียนจบปริญาตรี เกียรตินิยมจากคณะอะไรสักอย่าง (สำหรับฉันที่เหมือนคือแค่เรียนจบตรี แต่เกียรตินิยมนั้นแม่ให้เอง 5555+ แต่ด้านไหนนั้นอย่ารู้เลยนะค่ะ 5555+)
2. แม่ของนางเอกในเรื่องไม่เห็นด้วยและนางเอกก็ต้องโกหกแม่ (ซึ่งฉันก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน แต่ต่างกันทีฉันไม่ได้บอกว่าได้งานที่ดี แต่บอกว่าไปสัมนาแค่ 4-5 วันเท่านั้นเอ๊งงงง 5555+) และสุดท้ายเรื่องก็แดง 555+
3. พี่เลี้ยงรอบข้างหรือคนรอบข้างมักจะมีคำถาม (มากเสียกว่าตัวนางเอกเองเสียอีก ฮา!) ว่าทำไมเรียนจบขนาดนี้ถึงมาทำอะไรแบบนี้? น่าจะได้ดีกว่านี้? ทำไม????????????????????????????? (ซึ่งบางทีก็ไม้เข้าใจว่าแล้วจะรู้ไปทำไม เพราะเราเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ) ที่ทำเนี่ยเพราะมีแผนอะไรใช่ไหม????? (สำหรับฉันขอตอบแบบนางเอกในเรื่องว่า อยากใช้เวลาหาตัวเอง (นางเอกเพิ่งจบ ส่วนฉันจะ 30 แกยังจะมาหาตัวเองอีกเรอะ 55555) จริงๆแล้วก้มีคิดไว้บ้าง แต่ก็อย่างว่า....ทำวันนี้ที่มีงานให้ทำก่อนดีกว่านะ 5555+) เรียนจบตั้งปริญญาตรี ทำไมไม่หางานที่ดีกว่านี้? (สำหรับฉันอดที่จะคิดไม่ได้ว่า มิน่าทำไมอาชีพครูถึงมีคนที่อยากจะเสียสละน้อยหนัก โดยเฉพาะครูการกุศล อาจเป็นเพราะเราต้องโกยเงินให้มากกว่าหรือคุ้มค่าที่เราเรียนมานั้นเอง จะว่าไปขอซูฮกครูบนดอยทุกท่านด้วยใจจริง)
4. ในเรื่องใครก็คิดว่างานนี้แสนง่าย แสนสบาย แสนสุข ไม่ต้องใช้อะไรมากมาย???
(สำหรับฉันตอนแรกก็คิดแบบนั้นเช่นกัน นั้นคือเหตุผลว่าทำไมจึงเลือกทำ ฮา! คิดจริงอะไรจริง 555+ ซึ่งพอมาทำจริงๆ โอ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววว(อยากตะโกนกว่านี้อีกหลายเท่านัก) มัน-ยาก-มากกกกกก มว๊ากกกกก โดยเฉพาะฉันที่ต้องมีหน้าที่สอนหนังสือน้องๆที่เรียกได้เต็มปากว่า ........"สนใจเรียนมว๊ากกกกกกก"(ประชด 555+) แถมสอนเด็กนานาชาติๆเนี่ยก้เป็นอันรู้กันว่าความเซลฟ์ไม่เป็นรองใคร เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่จะต้องทำได้นั้นก็คือ อ่าน อ่าน อ่าน หาข้อมูลฃมันเข้าไป ถามอะไรมาเราต้อง ใช้คำนี้เลยนะค่ะ เราต้องตอบให้ได้ ไม่งั้นเด็กๆจะมองเราด้วยสายตา........มาจากโลกที่สามแม่นบ่??? พร้อมกับฟ้องแม่ว่า แม่คร้าบบบบบแม่จ้างครูอะไรมาคร้าบบบบ ไม่ได้เรื่องเลยคร้าบบบบบ หรือ.....แม่ค่ะ หนูว่าหนูเรียนเองยังดีกว่านะค่ะ 55555+ นี้ยังถือว่าระดับรักษาน้ำใจ เพราะถ้าหนักหน่อย แบบที่ฉันเคยเจอ ก็แบบอ่ะนะ Bible เด็กๆ เนี่ยก็ไม่รู้จะยากไปไหน ไอ้เราก็ไม่ได้ in ขนาดนั้นแม้จะเคยเรียนคริสบ้างอะไรบ้าง แต่เล่นมาหนาขนาดนั้นเนี่ยพี่ก็ต้องโง่บ้างอะไรบ้างใช่ไหม ไม่ได้ๆๆๆ เพราะลองมีข้ออ้างนิดเดียว ได้โดนด่าแบบเล็กๆว่า........STUPID กรุณาอ่านอีกครั้ง 55555+ ) และนั้นจึงเป็นที่มาว่าทำไมข้อมูลต่างๆ ที่จะสอนเด็กจึงสำคัญมาก ถ้าอันไำหนไม่ได้จริงๆ เช่นพะวกการออกเสียงต่างๆ อันนี้ก็ขอสารภาพบาปตรงๆพี่ไม่สามารถคร้าบบบบ อันนี้ก็ควรเรียนกับครูที่มีความรู้โดยตรงจะดีกว่าการสอนมั่วๆให้น้องมีปัญหาในอนาคต (ก็อย่างที่รู้เด็ดนานาชาติมักจะชอบล้อเลียนเรื่องสำเนียงการออกเสียงต่างๆ) นี้ยังแค่เรื่องเรียน ยังไม่นับรวมเรื่องอารมณ์ต่างๆที่ทั้งลูกอ้อนก็แล้ว ขู่ก็แล้ว จนกระทั้ง.................
ฉัน : นี้พี่ไม่ไหวแล้วนะ จะทำไหมการบ้านเนี่ย?(ครูที่โรงเรียนก็คงกลัวเด็กว่างจัดเลยสั่งมาศะ 6 อย่าง แต่ละอันทำทั้งคืนไม่รู้จะเสร็จหรือเปล่า เฮ้ออออกรรมก็ตกอยู่ที่เราอีกว่าจะทำอย่างไรให้น้องรู้สึกว่าการบ้านเหมือนการเล่น โอ้วววววววววววววว) นี้มัน 4 ทุ่มแล้วนะ พี่จะไปนอนแล้วนะ
หนุ่มน้อย : ดีเลยๆๆพี่กิฟท์ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายนะ
ฉัน : (ฮืมมมมมมมมมมๆๆๆๆๆๆๆๆ ) นะๆๆๆๆๆทำเถอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆเดี๋ยวพี่ให้สติ๊กเกอร์ Angry Birds ทั้งแผงเลยนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หนุ่มน้อย : อืมมมม ก็ได้ ให้จริงๆนะ
ฉัน: จ้าๆๆๆๆๆ (คิดในใจฮืมมมม)
ผ่านไปสองหน้า มาอีกแล้วคร้าบบบบบบ
หนุ่มน้อย : ผมเหนื่อยแล้วขอพักก่อนนะ
ฉัน : ได้ไง เดี๋ยวทำไม่เสร็จนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ครูว่า
หนุ่มน้อย : ผมไม่ไหวแล้วนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เตรียมจะกรี๊ดดดดดดด)
ฉัน : โอะๆๆๆๆๆๆ แต่พี่ให้สติ๊กเกอร์แล้วนะ ไม่รักษาสัญญาหรอ
หนุ่มน้อย : อ่ะถ้างั้นผมคืนแล้วกันนะ ผมไม่อยากได้แล้ว
ฉัน : (ซวยแล้วไงกู 55555+) อืมมมม ฟังพี่นะ ถ้าไม่ทำการบ้านพรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรไปส่งนะ ครูก็จะว่านะ
หนุ่มน้อย : ครูก็รู้ว่าพี่กิฟท์สอน ครุก็จะว่าพี่กิฟท์ไง
ฉัน : (เอออ จริงน้องพูดถูก เอ้ยยยยไม่ใช่ อยากกินหัวจริงๆฮืมมม) ถ้าไม่ทำพี่ตีแล้วนะ แม่อนุญาติให้พี่ตีน้องได้ เพราะน้องดื้อมาก เอาไหม
หนุ่มน้อย : พี่กิฟท์จะดีด้วยอะไรอ่ะ
ฉัน : (อะไรดีว่ะ ใจก็ไม่กล้าตี แต่อันนี้แม่เด็กอนุญาตินะค่ะ) ไม่บรรทัด พี่จะตีแรงๆเลย (มองหน้าน้องด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง กลัวอ่ะดิๆๆ)
หนุ่มน้อย : อ๊ะ ลองตีดู
ฉัน : แป๊ะ!!!
หนุ่มน้อย : โหวววว แค่นี้เองหรอ แม่ผมยังตีเจ็บกว่าเยอะ
ฉัน: (อ่ะนะ นั้นแม่แต่นี้พี่ พี่ไม่กล้าจริงๆ) ถ้าไม่อยากให้พี่ตีก็ทำต่อมามามะๆๆๆๆๆๆๆๆ
หนุ่มน้อย : ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฉัน : ดีถ้างั้นไม่ทำพี่ก็ไม่สอนแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเลย (ว่าแล้วฉันก็ทำเฉยๆไม่สนใจ)
หนุ่มน้อย : ส่งเสียงดังพยายามเรียกร้องความสนใจ (ฉันก็ไม่สนใจ อยากร้องร้องไป พี่ทนได้ พี่เจอบ่อบแบบนี้ 555+)
ชักไม่ได้ผลเปลี่ยนมาดึงมือฉันบ้าง ปากกาฉันบ้าง ฉันเลยเปลี่ยนที่นั่งแทน ทันใดนั้นเอง Drama ก็เริ่มขึ้น ทันใดนั้นหนุึ่มน้อยก็หยิบมีดขึ้นมา (เนื่องจากของว่างช่วง Break คือ พิซซ่า เราจึงเอามีดมาหั่นกิน)
หนุ่มน้อย : ผมจะฆ่าตัวตายแล้วนะ (พร้อมหยิบมีดขึ้นมาจ่อที่ข้อแขน)
ฉัน : (มองตาเหล่ๆ พร้อมคิดในใจว่า แหมๆๆเราไม่รู้ทันกันเลยนะตัวเอง ขนาดแค่ถ้อยข้าวร้อนยังร้องอย่างกะอะไร แล้วนี้มีด หุหุหุ) ตามสบายนะ พี่ไม่อยากห้ามเราหรอก พี่ยอมแพ้แล้ว
หนุ่มน้อย : (คาดว่าคงงง 5555+ ) ผมทำจริงนะ ผมทำจริงๆนะ เลือดจไหลเต็มพื้นเลยนะ
ฉัน : อืมม ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยล้าง พูดนานเดี๋ยวเหนื่อยนะ
เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที พี่ท่านก้เริ่มเปลี่ยนใหม่ ฮา! ลงไปอยู่ใต้โต๊ะ เพื่อ??????? เพื่อดึงกางเกงฉัน โอ้ววววววว ทำร้ายตัวเองด้วยมีดจะดีกว่าทำร้ายตัวเองทางสายตานะน้อง 55555+
ฉัน : ถ้าดึงกางเกงพี่พี่จะกลับบ้านแล้วนะ พี่จะไม่เล่นกับน้องอีกเลย
หนุึ่มน้อย : พี่ไม่รักผมหรอๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่มีใครรักผมเลยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฉัน : (ว่าแล้วก็ดึงมากอดซะหน่อย หุหุหุ กอดหนุ่มๆมันดีอย่างนี้นี้เอง อิอิอิ ) วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ไม่ดีรู้ไหม
หนุ่มน้อย : ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมไม่อยากทำมันยากกกกกก ผมมันโง่ๆๆๆๆๆๆ
ฉัน : ตอนเป็นเด็กพี่ก็ไม่อยากทำเหมือนกัน แต่ต้องทำ เอางี้น้องทำคนเดียวไหม เสร๊จแล้วพี่จะมาดู
หนุ่มน้อย : ไม่เอาๆๆๆๆๆ อยู่กับผมนะ ผมกลัวผี
ฉัน : (เออออเอาเข้าไป ใครว่าเลี้ยงเด็กมันง่ายเนี่ย ช่วยสละเวลามาทำบ้างอะไรบ้างจะได้เข้าใจ เครียดนะเฟ้ยยยยยย 5555+)
งานนี้นางเอก Drama อย่างฉัน ถึงคราวจะต้องสละตำแหน่งให้พ่อหนุ่มน้อยคนนี้ซะแล้ว นี้ยังถือว่าน้อย(มว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก) ซึ่งถ้ามองในแง่ดีก็คือ ฝึกความอดทน เฮ้อออออ กว่าจะผ่านคืนนั้นมาได้ เล่นเอาแทบกราบน้องเลยทีเดียว 5555+ อย่า! อย่าได้คิดว่าคงเป็นคืนเดียวมั้ง??? Nope!!!!! ยังมีอีกมาก 555 + ซึ่งบางทีก็อดที่จะทั้งโกรธทั้งขำไม่ได้ ในแต่ละคำที่พูด เช่น...........................
@ ห้องกินข้าว ขณะที่น้องทานข้าวเช้าอยู่
หนุ่มน้อย : ก็เดินมาใกล้ๆฉันและกอดฉัน (ทำเอาฉันตัวเกร็งเลยที่เดียว มันต้องมีอะไรแน่ๆ 5555+)
ผมมีเรื่องอะไรจะบอกพี่กิฟท์ (ฉัน: อย่าบอกนะว่าผมบอกให้แม่ไล่พี่ออก 5555+)
ฉัน : อะไรหรอ
หนุ่มน้อย : ที่โรงเรียนผมนะ ก็มีครูที่โหดๆดุๆ เหมือนกันนะ
ฉัน : อืมหรอ แล้วทำไม
หนุ่มน้อย : ที่โรงเรียนไม่มีใครชอบครูแบบนี้เลยนะ เด็กไม่ชอบหรอก
ฉัน : (หุหุหุ รู้นะว่าจะพูดว่าอะไร 5555+) อืมหรอ แล้วน้องว่าครูแบบไหนที่นักเรียนชอบ
หนุ่มน้อย : (ยิ้มโชว์ฟันขาวสุดริท) ก็ครูที่ใจดีไง
ฉัน : แบบไหนหล่ะ
หนุ่มน้อย : (ทำท่าคิด เพราะคงจะแบบ..........แบบที่เราชอบไง 5555+) ก็แบบๆๆๆๆๆ
ฉัน : อ้ออออ แบบที่ให้ทำการบ้าน้อยๆ สอนน้อยๆ ให้เล่นเยอะๆใช่ไหม
หนุ่มน้อย : ใช่เลยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่กิฟท์รู้ได้ไง
ฉัน : แหมๆๆๆพี่ก็เป็นเด็กมาก่อน พี่ก็รู้สิ งั้นพี่จะให้น้องเล่นตลอดเลยดีไหม น้องจะได้รักพี่ ชอบพี่
ดีไหม
หนุ่มน้อย : ดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(หน้าตามีความสุขมว๊ากกกกกกกกกกก)
ฉัน : ดีเหมือนกันพี่จะได้เหนื่อยและเครียดน้อยลง เพระากว่าพี่จะออดอ้อนให้น้องทำการบ้านได้ พี่ก็เกือบตายเหมือนกัน 5555555555555++ แต่ถ้าแม่น้องถามพี่ว่าทำไมพี่ไม่สอนน้อง น้องต้องบอกแม่ด้วยนะ โอเค?
หนุ่มน้อย : (ชักเริ่มคิดๆๆๆ) ก็ทำนิดหน่อยไง เท่าที่ผมอยากทำ
ฉัน : (เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะครูของน้องเคยบอกอยู่แล้วว่าเด็กมักจะมีการต่อรองเสมอๆ เราจึงต้องเป็นคนคุมไม่ใช่ให้ให้เด็กคุม) ก็ได้นะ แต่ถ้าน้องทำการบ้านไม่เสร็จครูว่า ครูก็ต้องมาฟ้องแม่ใช่ไหม แม่ก็ต้องมาว่าน้องใช่ไหม
หนุ่มน้อย : (ชักเริ่มคิดๆๆๆๆๆๆๆ) เดี๋ยวผมคิดดูก่อนนะ ผมหิวแล้ว
ฉัน : (โหะๆๆๆๆๆๆ) ไปกินเถอะ แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ก็ได้ (55555+ เฮ้อออีพี่ขอกินข้าวเยอะๆหน่อยนะจะได้มีแรงสู้กับน้อง 5555+)
ยังๆเรื่องยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เป็นธรรมดาที่เราจะรู้กันว่ายิ่งเด็กมากยิ่งตีกัน ทะเลาะกันมาก และแล้ววันแดงเดือดก็เกิดขึ้น (ตอนแรกที่พี่เลี้ยงคนเก่าเล่าให้ฟังฉันยังหลอนๆอยู่ว่าโอ้วววว แต่เจอจริงๆ เฮ้อออออ.........)
@ ห้องนั่งเล่น (อันนี้ไม่ได้อยู่ในเหตุการ์ณนะค่ะ แต่รู้ตอนที่เรียกมาเคลียร์แล้ว)
น้องชายคนเล็ก : พี่อ๊ะให้ของเล่นน้องแล้วทำไมมาเอาคืนอ่ะ
พี่ชายคนรอง : ทำไมหล่ะพี่เป็นพี่นะ น้องต้องให้พี่สิ (เล่นต่อย่างไม่แยแสใดๆ)
น้องชายคนเล็ก : (ดราม่าตัวพ่อต้องหนุ่มคนนี้) พี่อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆผมจะฟ้องเจ๊นะ พี่ให้ผมแล้วนะ เอามาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
(...................ตะลุมบอลแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร)
พี่สาวคนโต : (เปิดประตุดังผลั๊วะ) นี้่พวกแกจะทะเลาะกันอีกนานไหม ห๊ะ???????????????????(เสียง Power มาก ฉันว่าคงจะจริงมั้งค่ะ ทฤษฏีที่ว่า พี่สาวที่มีน้องชายมักจะ ห้าว โหด ดุ 555555++)
น้องชายคนเล็ก : (เริ่มร้องไห้ แบบ......................ไม่มีน้ำตา 5555+ ทำประจำ จนรู้ทัน 55555+) เจ๊ๆๆๆๆพี่อ๊ะ แกล้งผมอีกแล้ว พี่แสบมาก พี่แสบมากๆๆๆๆเลยเจ๊ (ฉัน : เด็กมันรุ้ได้ไงว่าแสบคืออะไร ? 5555+)
เจ๊ : เอออแกก็เงียบได้แล้ว ไม่ต้องแกล้งร้องเลย เจ๊ไม่เห็นน้ำตาเลย
น้องชายคนเล็ก : (หลบไปนั่งบิวด์อารมณ์ตรงโซฟา 5555+ )
เจ๊ : เจ๊บอกแกแล้วใช่ไหมว่าถ้าให้ของใครแล้วอย่ามาเอาคืน ห๊ะ??????????????????????
พี่ชายคนรอง : ก็เจ๊อ่ะ พี่ก็อยากเปลี่ยนใจไง เจ๊ะอ่ะ พี่ไม่ไหวแล้วนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ตะโกนบ้าง)
น้องชายคนเล็ก : เจ๊ๆๆดูดิพี่ทำของผมพังเลยอ่ะ
เจ๊ : แกหยุดฟ้องได้ไหม เจ๊กะลังจัดการอยู่
น้องชายคนเล็ก : (เงียบบบบกริบ 5555+)
เจ๊ : แล้วนี้แกจะทำยังไง แกเอาตัวอื่นมาคืนน้องเลย เอามาให้เจ๊
พี่ชายคนรอง : ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เจ็อย่ามาเอานะ (ตะลุมบอนอีกรอบ)
...........ณ จุดนี้เข้ามาแยกแทบไม่ทัน
ฉัน : เกิดอะไรขึ้นเนี่ย??????
เจ๊ : ก็น้องอ่ะ เอาของเล่นที่น้องให้แล้วคืน แถมทำพังอีกต่างหาก
ฉัน : อ้าวทำไมทำแบบนั้นหล่ะ? ไหนเล่ามาซิเกิดอะไรขึ้น (ก็เหมือนเรื่องที่เล่าด้านบนนั้นแหล่ะค่ะ)
อ้อออ งั้นเอางี้ พี่ชายคนรองจะขอโทษน้องกับเจ๊ไหม?
พี่ชายคนรอง : ไม่ ผมไม่ขอโทษหรอก ผมไม่ผิด
เจ๊ : แต่แกทำผิดนะ
พี่ชายคนรอง : ผมไม่ขอโทษจะทำไม
ฉัน : งั้นเอางี้ เอาของเล่นของพี่ชายคนรองมาเล่นให้พังบ้างดีไหม? เอาไหม?
พี่ชายคนรอง : ทำไมอ่ะ ของผมนะ
ฉัน : อ้าวทีน้องน้องยังห่วงเลย พี่ให้เลือกแล้วนะว่าจะขอโทษหรือว่าจะให้ทำของน้องพังบ้าง จะได้เข้าใจความรู้สึกของน้องบ้างดีไหม?
พี่ชายคนรอง : ผมขอเวลาทำใจก่อนได้ไหม
ฉัน : หมายถึงขอเวลาคิดก่อนใช่ไหม
พี่ชายคนรอง : พยักหน้านิดๆ
ฉัน : ได้ เดี๋ยวพี่กับน้องๆจะมาอีกแป๊ปเดียวนะ โอเคไหม?
.............................เวลาผ่านไป เราก็เข้ามา
เจ๊ : ว่าไงแกจะเอาไง
พี่ชายคนรอง : ขอโทษก็ได้ ขอโทษ(พูดเสียงห้วนๆ)
น้องชายคนรอง : (ดราม่าตาลอดดดดด เริ่มร้องไห้เหมือนสั่งได้ 5555+ แต่....ไม่มีน้ำตา ฮา!) พี่กิฟท์พี่ขอโทษผมแบบไม่เต็มใจ
ฉัน : (แหมๆๆแค่นี้ก็หรุแล้วนะ ปรกติเนี่ยอย่าได้หวังนะ ไม่มี๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 555+) เอาน่าพี่ก็ขอโทษแล้วไง โอเคไหม ต่อไปใครให้ของแล้วก็อย่าเอาคืนอีก คิดให้ดีก่อนให้ โอเค
เจ๊ : (สมกับเป็นสมุนจริงๆ อะไรที่ฉันอยากพูดเจีจะพูดได้หมด 555+) ใช่ๆๆ ต่อไปต้องเชื่อฟังเจ๊ด้วย
พี่ชายคนรอง : อะไรอ่ะ เจ๊ๆๆๆๆๆๆ
ฉัน : อ่ะขอโทษเจ๊ด้วย
พี่ชายคนรอง : แต่เจ๊ปากดีอ่ะ
เจ๊ : เจ๊ปากดีตรงไหน เจ๊พูดตามพี่กิฟท์ทุกอย่าง ว่าไง เจ๊ปากดีตรงไหน บอกมาสิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(ตะโกนสุดเสียง)
ฉัน : (โอ้ยยยยยย ตูจะบ้าตายยยยยยยยย )
พี่ชายคนรอง : ก็ปากดีเหมือนพี่กิฟท์ไง
ฉัน : (นั้นไง ตูว่าแล้วไง 55555+) อ้าวววพี่พูดผิดตรงไหน เมื่อกี้น้องทำของเล่นน้องพัง จึงต้องขอโทษใช่ไหม? แล้วก็มาตีเจ๊อีกใช่ไหม เรียกว่าพาลใช่ไหม?
พี่ชายคนรอง : โหววววววว ผมโดนคนเดียวเลยอ่ะ
น้องชายคนเล็ก : ใช่ๆพี่สมควรโดน
ฉัน : อ๊ะพ่อเลย ทั้งเจ๊ ทั้งน้องคนเล็ก ว่าไงพี่ชายคนรองจะขอโทษไหม?
พี่ชายคนรอง : เอออออผมผิดเอง ผมขอโทษๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พอใจไหม
ฉัน : อ๊ะ โอเคนะทุกฝ่าย แยกย้ายนกันไปเลยคนละมุม อย่าให้พี่เห็นว่าอยู่ใกล้กันนะ โอเคไหม
........................เวลาผ่านไป ก็กลับมาสุมหัวกันใหม่เช่นเคย 55555555++ เฮ้อออออเด็กอ่ะนะ เข้าใจ แต่ก็ยังดีนะคะ ที่เด็กอายุขนาดนี้สามารถคิดได้อย่างมีเหตุและผล ซึ่งบางครั้งผู้ใหญ่ยังทำไม่ได้เลย จริงไหม? และเท่าที่ดูเด็กๆวัยนี้ก็มักจะเลียนแบบผู้ใหญ่และมักจะทำตาม และนี้ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของวันเท่านั้น ลองคิดดูสิค่ะว่าทั้งวัน........................จะมีกี่ยก???? 55555555++
หลังฉากเหตุการ์ณนั้นก็ต้องมีการโอ๋กันหน่อย ฉันจึงเลือกที่จะเรียกพี่ชายคนรองมาคุย ซึ่งน้องก็เข้าใจ (อาจเพราะเรียนหนังสือมาเลยเข้าใจเหตุผล) และแน่นอน หนุ่มน้อยก็โผเขามากอด ฉันจึงเข้าใจคำพูดของครูน้องที่บอกว่า เด็กๆมักจะชอบให้เรากอดแสดงความรัก เพราะสิ่งเหล่านี้ดีกว่า ของเล่น เงิน หรือคำพูดใดๆ Top Secret เลยนะนั้น 55555555+
5. นางเอกเองก็ไม่เคยมีลูกและไม่มีความรู้ทางด้านนี้มาก่อนเช่นกัน แต่แน่นอนที่สุดการหาข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อที่จะนำมาประกอบการสอนให้กับน้องๆ (เพราะคงไม่มีใครจ้างคนใช้/หรือไม่มีความรู้มาสอนหนังสือเด็กนานาชาติใช่ไหมค่ะ? 555+ เอออ IDEA แหล่มมากกกก 555+ ว่างๆเราก็ให้คนใช้สอนเราด้วย บ๊ะมันโครตคุ้มเลย 555+ กัดตัวเองขำๆ) ลำพังเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนไทยก็อาจจะพอกล้อมแกล้มไปได้บ้าง แบบที่เคยเรียนๆกันมา แต่สำหรับพี่เลี้ยง/ครูพี่เลี้ยงสำหรับเด็กนานาชาติแล้ว การศึกษาและภาษาเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการที่จะใช้สอน (ที่น่าสนใจคือทำไมเมืองนอก(ในหนัง)ยังต้อง Require เด้กจบตรีด้วยเนี่ย ไม่เหมือนพี่ไทยเรา ใครก็ได้มาเหอะ 555+) แต่อย่างไรก็ตามนานาจิตตังค่ะ เอาเป็นว่าทำแล้วมีความสุขลัลล้าก็ทำต่อไป ถือว่าเป็นความพอใจส่วนบุคคลแล้วกันนะค่ะ
6. นางเอกเองสุดท้ายก็มีคำตอบในใจตัวเอง สำหรับฉันก็มีคำตอบของฉันเอง (ซึ่งก็ไม่อยากจะโชว์มากเดี๋ยวโดนด่า ฮา!) ที่บ้างครั้งคนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องรู้ (แต่ถ้าอยากรู้แล้วมันไม่หายอยากเนี่ย ก้ต้องช่วยตัวเองนะค่ะ 555555+)
อย่างน้อยหลังจากที่ฉันดูหนังเรื่องนี้จบ ฉันจึงได้เข้าใจว่าอ้อออออ......ทำไมพี่เลี้ยง/ครูพี่เลี้ยงจึงมีความสำคัญในยุคปัจจุบัน เพราะส่วนใหญ่พ่อแม่ที่ทำงานจนยุ่งไม่มีเวลาก็จะได้พี่เลี้ยง/ครูพี่เลี้ยงที่ชดเชยเติมเต็มให้กับเด็กๆหล่านั้น
