วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คำถาม?????? ที่ฉันเองก็ไม่ม่ีคำตอบ จนกระทั้ง".............."

[

คุณเคยดูหนังเรื่องนี้ไหมค่ะ???


http://www.madoocinema.com/play.php?movie=2529

ฉันจำไม่ได้ว่าดูหนัง(ในโรง)ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่???  เพราะเวลาไปดูที่ไรมักจะหลับเสมอ  ฮา!  และหลังก็ไปนิยมชมชอบเกาหลีฟีเวอร์ซะส่วนมาก   แต่แลเวหนังที่ฉันเพิ่งได้ดู(The Nanny Diaries 2007) OMG!! ไปอยู่ไหนมา??   อย่างที่บอกนั้นแหล่ะเรื่องบางเรื่องเรามักมองข้ามไม่ได้ให้ความสนใจจนกระทั่งเราต้องการมันเราจึงจะเห็นว่ามันจำเป็น ฉันจำได้ว่าฉัน Search  nanny ฉันได้เจอหนังเรื่องนี้ และก็........................เก็บมันเอาไว้ (Post ใน FB บ้าง Mail บ้างอะไรบ้าง แล้วก็........ลืมบ้างอะไรบ้าง  555)  แน่นอนที่สุดเมื่อคืนที่มา ในขณะที่นั่งเช็คWevsiteต่างๆเพื่อนำมาลงใน Blog (ข้อมูลดีดีข้างล่างนี้แหล่ะค่ะ)  ก็เลือบไปเห็นเว็บๆหนึ่งที่เก็บไว้ จึงเปิดดู ก็เลยเห็นว่าอืมมมจริงสิเรายังไม่ได้ดูเลยนี้หว่า 555+
ว่าแล้วก็ดูซะ    สิ่งที่ฉันได้จากเรื่องนี้ก็คือ ยิ่งดูยิ่งเห็นตัวเอง ฮา! ไม่ว่าาจะเป็น........................

1. นางเอกสวย เอ้ยยยไม่ใช่ (อันนี้คิดเอาเองว่าเหมือน ฮา!)  นางเอกดรียนจบปริญาตรี เกียรตินิยมจากคณะอะไรสักอย่าง  (สำหรับฉันที่เหมือนคือแค่เรียนจบตรี  แต่เกียรตินิยมนั้นแม่ให้เอง 5555+ แต่ด้านไหนนั้นอย่ารู้เลยนะค่ะ 5555+)


2. แม่ของนางเอกในเรื่องไม่เห็นด้วยและนางเอกก็ต้องโกหกแม่  (ซึ่งฉันก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน แต่ต่างกันทีฉันไม่ได้บอกว่าได้งานที่ดี แต่บอกว่าไปสัมนาแค่ 4-5 วันเท่านั้นเอ๊งงงง 5555+)  และสุดท้ายเรื่องก็แดง 555+


3.  พี่เลี้ยงรอบข้างหรือคนรอบข้างมักจะมีคำถาม (มากเสียกว่าตัวนางเอกเองเสียอีก ฮา!) ว่าทำไมเรียนจบขนาดนี้ถึงมาทำอะไรแบบนี้? น่าจะได้ดีกว่านี้?   ทำไม????????????????????????????? (ซึ่งบางทีก็ไม้เข้าใจว่าแล้วจะรู้ไปทำไม เพราะเราเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ)  ที่ทำเนี่ยเพราะมีแผนอะไรใช่ไหม????? (สำหรับฉันขอตอบแบบนางเอกในเรื่องว่า  อยากใช้เวลาหาตัวเอง (นางเอกเพิ่งจบ  ส่วนฉันจะ 30 แกยังจะมาหาตัวเองอีกเรอะ 55555) จริงๆแล้วก้มีคิดไว้บ้าง แต่ก็อย่างว่า....ทำวันนี้ที่มีงานให้ทำก่อนดีกว่านะ 5555+) เรียนจบตั้งปริญญาตรี ทำไมไม่หางานที่ดีกว่านี้?  (สำหรับฉันอดที่จะคิดไม่ได้ว่า มิน่าทำไมอาชีพครูถึงมีคนที่อยากจะเสียสละน้อยหนัก โดยเฉพาะครูการกุศล  อาจเป็นเพราะเราต้องโกยเงินให้มากกว่าหรือคุ้มค่าที่เราเรียนมานั้นเอง จะว่าไปขอซูฮกครูบนดอยทุกท่านด้วยใจจริง)


4. ในเรื่องใครก็คิดว่างานนี้แสนง่าย แสนสบาย แสนสุข ไม่ต้องใช้อะไรมากมาย???
 (สำหรับฉันตอนแรกก็คิดแบบนั้นเช่นกัน นั้นคือเหตุผลว่าทำไมจึงเลือกทำ ฮา!  คิดจริงอะไรจริง 555+  ซึ่งพอมาทำจริงๆ โอ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววว(อยากตะโกนกว่านี้อีกหลายเท่านัก)   มัน-ยาก-มากกกกกก มว๊ากกกกก   โดยเฉพาะฉันที่ต้องมีหน้าที่สอนหนังสือน้องๆที่เรียกได้เต็มปากว่า ........"สนใจเรียนมว๊ากกกกกกก"(ประชด 555+)  แถมสอนเด็กนานาชาติๆเนี่ยก้เป็นอันรู้กันว่าความเซลฟ์ไม่เป็นรองใคร  เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่จะต้องทำได้นั้นก็คือ อ่าน อ่าน อ่าน หาข้อมูลฃมันเข้าไป ถามอะไรมาเราต้อง  ใช้คำนี้เลยนะค่ะ  เราต้องตอบให้ได้ ไม่งั้นเด็กๆจะมองเราด้วยสายตา........มาจากโลกที่สามแม่นบ่???  พร้อมกับฟ้องแม่ว่า แม่คร้าบบบบบแม่จ้างครูอะไรมาคร้าบบบบ  ไม่ได้เรื่องเลยคร้าบบบบบ หรือ.....แม่ค่ะ หนูว่าหนูเรียนเองยังดีกว่านะค่ะ    55555+  นี้ยังถือว่าระดับรักษาน้ำใจ เพราะถ้าหนักหน่อย แบบที่ฉันเคยเจอ ก็แบบอ่ะนะ Bible เด็กๆ เนี่ยก็ไม่รู้จะยากไปไหน  ไอ้เราก็ไม่ได้ in ขนาดนั้นแม้จะเคยเรียนคริสบ้างอะไรบ้าง แต่เล่นมาหนาขนาดนั้นเนี่ยพี่ก็ต้องโง่บ้างอะไรบ้างใช่ไหม  ไม่ได้ๆๆๆ  เพราะลองมีข้ออ้างนิดเดียว ได้โดนด่าแบบเล็กๆว่า........STUPID  กรุณาอ่านอีกครั้ง  55555+ ) และนั้นจึงเป็นที่มาว่าทำไมข้อมูลต่างๆ ที่จะสอนเด็กจึงสำคัญมาก ถ้าอันไำหนไม่ได้จริงๆ เช่นพะวกการออกเสียงต่างๆ อันนี้ก็ขอสารภาพบาปตรงๆพี่ไม่สามารถคร้าบบบบ อันนี้ก็ควรเรียนกับครูที่มีความรู้โดยตรงจะดีกว่าการสอนมั่วๆให้น้องมีปัญหาในอนาคต (ก็อย่างที่รู้เด็ดนานาชาติมักจะชอบล้อเลียนเรื่องสำเนียงการออกเสียงต่างๆ) นี้ยังแค่เรื่องเรียน ยังไม่นับรวมเรื่องอารมณ์ต่างๆที่ทั้งลูกอ้อนก็แล้ว ขู่ก็แล้ว จนกระทั้ง.................

ฉัน : นี้พี่ไม่ไหวแล้วนะ จะทำไหมการบ้านเนี่ย?(ครูที่โรงเรียนก็คงกลัวเด็กว่างจัดเลยสั่งมาศะ 6 อย่าง แต่ละอันทำทั้งคืนไม่รู้จะเสร็จหรือเปล่า เฮ้ออออกรรมก็ตกอยู่ที่เราอีกว่าจะทำอย่างไรให้น้องรู้สึกว่าการบ้านเหมือนการเล่น โอ้วววววววววววววว)  นี้มัน 4 ทุ่มแล้วนะ พี่จะไปนอนแล้วนะ

หนุ่มน้อย : ดีเลยๆๆพี่กิฟท์ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายนะ

ฉัน : (ฮืมมมมมมมมมมๆๆๆๆๆๆๆๆ )  นะๆๆๆๆๆทำเถอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆเดี๋ยวพี่ให้สติ๊กเกอร์ Angry  Birds ทั้งแผงเลยนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

หนุ่มน้อย :   อืมมมม ก็ได้ ให้จริงๆนะ

ฉัน: จ้าๆๆๆๆๆ (คิดในใจฮืมมมม)
ผ่านไปสองหน้า มาอีกแล้วคร้าบบบบบบ

หนุ่มน้อย :  ผมเหนื่อยแล้วขอพักก่อนนะ

ฉัน : ได้ไง  เดี๋ยวทำไม่เสร็จนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ครูว่า

หนุ่มน้อย :  ผมไม่ไหวแล้วนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เตรียมจะกรี๊ดดดดดดด)

ฉัน : โอะๆๆๆๆๆๆ แต่พี่ให้สติ๊กเกอร์แล้วนะ ไม่รักษาสัญญาหรอ

หนุ่มน้อย : อ่ะถ้างั้นผมคืนแล้วกันนะ ผมไม่อยากได้แล้ว

ฉัน :  (ซวยแล้วไงกู 55555+)  อืมมมม ฟังพี่นะ ถ้าไม่ทำการบ้านพรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรไปส่งนะ ครูก็จะว่านะ

หนุ่มน้อย : ครูก็รู้ว่าพี่กิฟท์สอน ครุก็จะว่าพี่กิฟท์ไง

ฉัน : (เอออ จริงน้องพูดถูก เอ้ยยยยไม่ใช่ อยากกินหัวจริงๆฮืมมม)  ถ้าไม่ทำพี่ตีแล้วนะ แม่อนุญาติให้พี่ตีน้องได้ เพราะน้องดื้อมาก เอาไหม

หนุ่มน้อย : พี่กิฟท์จะดีด้วยอะไรอ่ะ

ฉัน : (อะไรดีว่ะ ใจก็ไม่กล้าตี แต่อันนี้แม่เด็กอนุญาตินะค่ะ)  ไม่บรรทัด พี่จะตีแรงๆเลย (มองหน้าน้องด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง กลัวอ่ะดิๆๆ)

หนุ่มน้อย : อ๊ะ ลองตีดู

ฉัน : แป๊ะ!!!

หนุ่มน้อย : โหวววว แค่นี้เองหรอ แม่ผมยังตีเจ็บกว่าเยอะ

ฉัน: (อ่ะนะ นั้นแม่แต่นี้พี่ พี่ไม่กล้าจริงๆ) ถ้าไม่อยากให้พี่ตีก็ทำต่อมามามะๆๆๆๆๆๆๆๆ

หนุ่มน้อย : ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ฉัน :  ดีถ้างั้นไม่ทำพี่ก็ไม่สอนแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเลย  (ว่าแล้วฉันก็ทำเฉยๆไม่สนใจ)

หนุ่มน้อย :  ส่งเสียงดังพยายามเรียกร้องความสนใจ (ฉันก็ไม่สนใจ อยากร้องร้องไป พี่ทนได้ พี่เจอบ่อบแบบนี้ 555+)

        ชักไม่ได้ผลเปลี่ยนมาดึงมือฉันบ้าง ปากกาฉันบ้าง ฉันเลยเปลี่ยนที่นั่งแทน  ทันใดนั้นเอง  Drama ก็เริ่มขึ้น  ทันใดนั้นหนุึ่มน้อยก็หยิบมีดขึ้นมา (เนื่องจากของว่างช่วง Break คือ พิซซ่า เราจึงเอามีดมาหั่นกิน)

หนุ่มน้อย :  ผมจะฆ่าตัวตายแล้วนะ  (พร้อมหยิบมีดขึ้นมาจ่อที่ข้อแขน)

ฉัน : (มองตาเหล่ๆ พร้อมคิดในใจว่า แหมๆๆเราไม่รู้ทันกันเลยนะตัวเอง  ขนาดแค่ถ้อยข้าวร้อนยังร้องอย่างกะอะไร แล้วนี้มีด  หุหุหุ)  ตามสบายนะ พี่ไม่อยากห้ามเราหรอก  พี่ยอมแพ้แล้ว

หนุ่มน้อย : (คาดว่าคงงง 5555+ ) ผมทำจริงนะ ผมทำจริงๆนะ เลือดจไหลเต็มพื้นเลยนะ

ฉัน : อืมม ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยล้าง พูดนานเดี๋ยวเหนื่อยนะ

เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที พี่ท่านก้เริ่มเปลี่ยนใหม่ ฮา!  ลงไปอยู่ใต้โต๊ะ  เพื่อ???????  เพื่อดึงกางเกงฉัน โอ้ววววววว ทำร้ายตัวเองด้วยมีดจะดีกว่าทำร้ายตัวเองทางสายตานะน้อง 55555+

ฉัน : ถ้าดึงกางเกงพี่พี่จะกลับบ้านแล้วนะ พี่จะไม่เล่นกับน้องอีกเลย

หนุึ่มน้อย : พี่ไม่รักผมหรอๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่มีใครรักผมเลยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ฉัน : (ว่าแล้วก็ดึงมากอดซะหน่อย หุหุหุ กอดหนุ่มๆมันดีอย่างนี้นี้เอง อิอิอิ )  วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ไม่ดีรู้ไหม

หนุ่มน้อย : ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ผมไม่อยากทำมันยากกกกกก ผมมันโง่ๆๆๆๆๆๆ

ฉัน : ตอนเป็นเด็กพี่ก็ไม่อยากทำเหมือนกัน   แต่ต้องทำ เอางี้น้องทำคนเดียวไหม เสร๊จแล้วพี่จะมาดู

หนุ่มน้อย :  ไม่เอาๆๆๆๆๆ อยู่กับผมนะ ผมกลัวผี 

ฉัน :  (เออออเอาเข้าไป  ใครว่าเลี้ยงเด็กมันง่ายเนี่ย ช่วยสละเวลามาทำบ้างอะไรบ้างจะได้เข้าใจ เครียดนะเฟ้ยยยยยย 5555+)


งานนี้นางเอก Drama อย่างฉัน ถึงคราวจะต้องสละตำแหน่งให้พ่อหนุ่มน้อยคนนี้ซะแล้ว นี้ยังถือว่าน้อย(มว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก)  ซึ่งถ้ามองในแง่ดีก็คือ ฝึกความอดทน เฮ้อออออ   กว่าจะผ่านคืนนั้นมาได้ เล่นเอาแทบกราบน้องเลยทีเดียว 5555+  อย่า! อย่าได้คิดว่าคงเป็นคืนเดียวมั้ง??? Nope!!!!! ยังมีอีกมาก  555 + ซึ่งบางทีก็อดที่จะทั้งโกรธทั้งขำไม่ได้ ในแต่ละคำที่พูด เช่น...........................

@ ห้องกินข้าว ขณะที่น้องทานข้าวเช้าอยู่

หนุ่มน้อย : ก็เดินมาใกล้ๆฉันและกอดฉัน (ทำเอาฉันตัวเกร็งเลยที่เดียว มันต้องมีอะไรแน่ๆ 5555+)
ผมมีเรื่องอะไรจะบอกพี่กิฟท์ (ฉัน: อย่าบอกนะว่าผมบอกให้แม่ไล่พี่ออก 5555+)
ฉัน : อะไรหรอ
หนุ่มน้อย : ที่โรงเรียนผมนะ ก็มีครูที่โหดๆดุๆ เหมือนกันนะ
ฉัน : อืมหรอ แล้วทำไม
หนุ่มน้อย :  ที่โรงเรียนไม่มีใครชอบครูแบบนี้เลยนะ  เด็กไม่ชอบหรอก
ฉัน : (หุหุหุ  รู้นะว่าจะพูดว่าอะไร 5555+)  อืมหรอ แล้วน้องว่าครูแบบไหนที่นักเรียนชอบ
หนุ่มน้อย : (ยิ้มโชว์ฟันขาวสุดริท)  ก็ครูที่ใจดีไง
ฉัน : แบบไหนหล่ะ
หนุ่มน้อย : (ทำท่าคิด เพราะคงจะแบบ..........แบบที่เราชอบไง 5555+) ก็แบบๆๆๆๆๆ
ฉัน : อ้ออออ แบบที่ให้ทำการบ้าน้อยๆ สอนน้อยๆ ให้เล่นเยอะๆใช่ไหม
หนุ่มน้อย : ใช่เลยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่กิฟท์รู้ได้ไง
ฉัน : แหมๆๆๆพี่ก็เป็นเด็กมาก่อน พี่ก็รู้สิ   งั้นพี่จะให้น้องเล่นตลอดเลยดีไหม น้องจะได้รักพี่ ชอบพี่
ดีไหม
หนุ่มน้อย : ดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(หน้าตามีความสุขมว๊ากกกกกกกกกกก)
ฉัน : ดีเหมือนกันพี่จะได้เหนื่อยและเครียดน้อยลง  เพระากว่าพี่จะออดอ้อนให้น้องทำการบ้านได้ พี่ก็เกือบตายเหมือนกัน 5555555555555++ แต่ถ้าแม่น้องถามพี่ว่าทำไมพี่ไม่สอนน้อง น้องต้องบอกแม่ด้วยนะ โอเค?
หนุ่มน้อย : (ชักเริ่มคิดๆๆๆ)  ก็ทำนิดหน่อยไง เท่าที่ผมอยากทำ
ฉัน : (เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะครูของน้องเคยบอกอยู่แล้วว่าเด็กมักจะมีการต่อรองเสมอๆ   เราจึงต้องเป็นคนคุมไม่ใช่ให้ให้เด็กคุม)  ก็ได้นะ แต่ถ้าน้องทำการบ้านไม่เสร็จครูว่า  ครูก็ต้องมาฟ้องแม่ใช่ไหม แม่ก็ต้องมาว่าน้องใช่ไหม
หนุ่มน้อย :  (ชักเริ่มคิดๆๆๆๆๆๆๆ)   เดี๋ยวผมคิดดูก่อนนะ ผมหิวแล้ว
ฉัน : (โหะๆๆๆๆๆๆ)  ไปกินเถอะ แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ก็ได้ (55555+  เฮ้อออีพี่ขอกินข้าวเยอะๆหน่อยนะจะได้มีแรงสู้กับน้อง 5555+)


ยังๆเรื่องยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เป็นธรรมดาที่เราจะรู้กันว่ายิ่งเด็กมากยิ่งตีกัน ทะเลาะกันมาก  และแล้ววันแดงเดือดก็เกิดขึ้น (ตอนแรกที่พี่เลี้ยงคนเก่าเล่าให้ฟังฉันยังหลอนๆอยู่ว่าโอ้วววว  แต่เจอจริงๆ เฮ้อออออ.........)

@ ห้องนั่งเล่น (อันนี้ไม่ได้อยู่ในเหตุการ์ณนะค่ะ แต่รู้ตอนที่เรียกมาเคลียร์แล้ว)

น้องชายคนเล็ก : พี่อ๊ะให้ของเล่นน้องแล้วทำไมมาเอาคืนอ่ะ
พี่ชายคนรอง  : ทำไมหล่ะพี่เป็นพี่นะ  น้องต้องให้พี่สิ  (เล่นต่อย่างไม่แยแสใดๆ)
น้องชายคนเล็ก : (ดราม่าตัวพ่อต้องหนุ่มคนนี้)  พี่อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆผมจะฟ้องเจ๊นะ พี่ให้ผมแล้วนะ เอามาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
(...................ตะลุมบอลแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร)
พี่สาวคนโต : (เปิดประตุดังผลั๊วะ)  นี้่พวกแกจะทะเลาะกันอีกนานไหม ห๊ะ???????????????????(เสียง Power มาก ฉันว่าคงจะจริงมั้งค่ะ ทฤษฏีที่ว่า พี่สาวที่มีน้องชายมักจะ ห้าว โหด ดุ 555555++)
น้องชายคนเล็ก : (เริ่มร้องไห้ แบบ......................ไม่มีน้ำตา 5555+ ทำประจำ จนรู้ทัน 55555+)  เจ๊ๆๆๆๆพี่อ๊ะ แกล้งผมอีกแล้ว  พี่แสบมาก พี่แสบมากๆๆๆๆเลยเจ๊  (ฉัน : เด็กมันรุ้ได้ไงว่าแสบคืออะไร ? 5555+)
เจ๊ : เอออแกก็เงียบได้แล้ว ไม่ต้องแกล้งร้องเลย เจ๊ไม่เห็นน้ำตาเลย
น้องชายคนเล็ก :  (หลบไปนั่งบิวด์อารมณ์ตรงโซฟา  5555+ )
เจ๊ : เจ๊บอกแกแล้วใช่ไหมว่าถ้าให้ของใครแล้วอย่ามาเอาคืน ห๊ะ??????????????????????
พี่ชายคนรอง :  ก็เจ๊อ่ะ  พี่ก็อยากเปลี่ยนใจไง เจ๊ะอ่ะ พี่ไม่ไหวแล้วนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ตะโกนบ้าง)
น้องชายคนเล็ก : เจ๊ๆๆดูดิพี่ทำของผมพังเลยอ่ะ
เจ๊ : แกหยุดฟ้องได้ไหม เจ๊กะลังจัดการอยู่
น้องชายคนเล็ก : (เงียบบบบกริบ  5555+)
เจ๊ : แล้วนี้แกจะทำยังไง แกเอาตัวอื่นมาคืนน้องเลย เอามาให้เจ๊
พี่ชายคนรอง : ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เจ็อย่ามาเอานะ (ตะลุมบอนอีกรอบ) 
...........ณ จุดนี้เข้ามาแยกแทบไม่ทัน
ฉัน : เกิดอะไรขึ้นเนี่ย??????
เจ๊ : ก็น้องอ่ะ เอาของเล่นที่น้องให้แล้วคืน แถมทำพังอีกต่างหาก
ฉัน : อ้าวทำไมทำแบบนั้นหล่ะ? ไหนเล่ามาซิเกิดอะไรขึ้น (ก็เหมือนเรื่องที่เล่าด้านบนนั้นแหล่ะค่ะ)
อ้อออ งั้นเอางี้ พี่ชายคนรองจะขอโทษน้องกับเจ๊ไหม?
พี่ชายคนรอง : ไม่ ผมไม่ขอโทษหรอก ผมไม่ผิด
เจ๊ : แต่แกทำผิดนะ 
พี่ชายคนรอง :  ผมไม่ขอโทษจะทำไม
ฉัน : งั้นเอางี้ เอาของเล่นของพี่ชายคนรองมาเล่นให้พังบ้างดีไหม? เอาไหม?
พี่ชายคนรอง : ทำไมอ่ะ ของผมนะ
ฉัน : อ้าวทีน้องน้องยังห่วงเลย  พี่ให้เลือกแล้วนะว่าจะขอโทษหรือว่าจะให้ทำของน้องพังบ้าง จะได้เข้าใจความรู้สึกของน้องบ้างดีไหม?
พี่ชายคนรอง :  ผมขอเวลาทำใจก่อนได้ไหม
ฉัน : หมายถึงขอเวลาคิดก่อนใช่ไหม
พี่ชายคนรอง : พยักหน้านิดๆ
ฉัน : ได้ เดี๋ยวพี่กับน้องๆจะมาอีกแป๊ปเดียวนะ โอเคไหม?

.............................เวลาผ่านไป เราก็เข้ามา
เจ๊ : ว่าไงแกจะเอาไง
พี่ชายคนรอง : ขอโทษก็ได้ ขอโทษ(พูดเสียงห้วนๆ)
น้องชายคนรอง : (ดราม่าตาลอดดดดด   เริ่มร้องไห้เหมือนสั่งได้ 5555+ แต่....ไม่มีน้ำตา ฮา!)  พี่กิฟท์พี่ขอโทษผมแบบไม่เต็มใจ
ฉัน : (แหมๆๆแค่นี้ก็หรุแล้วนะ ปรกติเนี่ยอย่าได้หวังนะ ไม่มี๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 555+)   เอาน่าพี่ก็ขอโทษแล้วไง โอเคไหม ต่อไปใครให้ของแล้วก็อย่าเอาคืนอีก คิดให้ดีก่อนให้ โอเค
เจ๊ : (สมกับเป็นสมุนจริงๆ  อะไรที่ฉันอยากพูดเจีจะพูดได้หมด 555+)   ใช่ๆๆ ต่อไปต้องเชื่อฟังเจ๊ด้วย
พี่ชายคนรอง : อะไรอ่ะ เจ๊ๆๆๆๆๆๆ
ฉัน : อ่ะขอโทษเจ๊ด้วย
พี่ชายคนรอง : แต่เจ๊ปากดีอ่ะ
เจ๊ : เจ๊ปากดีตรงไหน เจ๊พูดตามพี่กิฟท์ทุกอย่าง ว่าไง เจ๊ปากดีตรงไหน บอกมาสิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(ตะโกนสุดเสียง)
ฉัน : (โอ้ยยยยยย ตูจะบ้าตายยยยยยยยย )
พี่ชายคนรอง : ก็ปากดีเหมือนพี่กิฟท์ไง
ฉัน : (นั้นไง ตูว่าแล้วไง 55555+)   อ้าวววพี่พูดผิดตรงไหน เมื่อกี้น้องทำของเล่นน้องพัง จึงต้องขอโทษใช่ไหม?  แล้วก็มาตีเจ๊อีกใช่ไหม เรียกว่าพาลใช่ไหม?
พี่ชายคนรอง :  โหววววววว  ผมโดนคนเดียวเลยอ่ะ
น้องชายคนเล็ก : ใช่ๆพี่สมควรโดน
ฉัน : อ๊ะพ่อเลย ทั้งเจ๊ ทั้งน้องคนเล็ก  ว่าไงพี่ชายคนรองจะขอโทษไหม?
พี่ชายคนรอง :  เอออออผมผิดเอง ผมขอโทษๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พอใจไหม
ฉัน : อ๊ะ โอเคนะทุกฝ่าย แยกย้ายนกันไปเลยคนละมุม อย่าให้พี่เห็นว่าอยู่ใกล้กันนะ  โอเคไหม

........................เวลาผ่านไป ก็กลับมาสุมหัวกันใหม่เช่นเคย 55555555++  เฮ้อออออเด็กอ่ะนะ เข้าใจ แต่ก็ยังดีนะคะ ที่เด็กอายุขนาดนี้สามารถคิดได้อย่างมีเหตุและผล ซึ่งบางครั้งผู้ใหญ่ยังทำไม่ได้เลย จริงไหม?  และเท่าที่ดูเด็กๆวัยนี้ก็มักจะเลียนแบบผู้ใหญ่และมักจะทำตาม และนี้ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของวันเท่านั้น ลองคิดดูสิค่ะว่าทั้งวัน........................จะมีกี่ยก????   55555555++

หลังฉากเหตุการ์ณนั้นก็ต้องมีการโอ๋กันหน่อย  ฉันจึงเลือกที่จะเรียกพี่ชายคนรองมาคุย ซึ่งน้องก็เข้าใจ (อาจเพราะเรียนหนังสือมาเลยเข้าใจเหตุผล) และแน่นอน หนุ่มน้อยก็โผเขามากอด  ฉันจึงเข้าใจคำพูดของครูน้องที่บอกว่า เด็กๆมักจะชอบให้เรากอดแสดงความรัก เพราะสิ่งเหล่านี้ดีกว่า ของเล่น เงิน หรือคำพูดใดๆ  Top Secret เลยนะนั้น 55555555+



5. นางเอกเองก็ไม่เคยมีลูกและไม่มีความรู้ทางด้านนี้มาก่อนเช่นกัน  แต่แน่นอนที่สุดการหาข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อที่จะนำมาประกอบการสอนให้กับน้องๆ (เพราะคงไม่มีใครจ้างคนใช้/หรือไม่มีความรู้มาสอนหนังสือเด็กนานาชาติใช่ไหมค่ะ? 555+  เอออ IDEA แหล่มมากกกก 555+ ว่างๆเราก็ให้คนใช้สอนเราด้วย บ๊ะมันโครตคุ้มเลย 555+ กัดตัวเองขำๆ) ลำพังเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนไทยก็อาจจะพอกล้อมแกล้มไปได้บ้าง แบบที่เคยเรียนๆกันมา แต่สำหรับพี่เลี้ยง/ครูพี่เลี้ยงสำหรับเด็กนานาชาติแล้ว การศึกษาและภาษาเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการที่จะใช้สอน (ที่น่าสนใจคือทำไมเมืองนอก(ในหนัง)ยังต้อง Require เด้กจบตรีด้วยเนี่ย ไม่เหมือนพี่ไทยเรา ใครก็ได้มาเหอะ 555+)  แต่อย่างไรก็ตามนานาจิตตังค่ะ  เอาเป็นว่าทำแล้วมีความสุขลัลล้าก็ทำต่อไป  ถือว่าเป็นความพอใจส่วนบุคคลแล้วกันนะค่ะ



6. นางเอกเองสุดท้ายก็มีคำตอบในใจตัวเอง  สำหรับฉันก็มีคำตอบของฉันเอง  (ซึ่งก็ไม่อยากจะโชว์มากเดี๋ยวโดนด่า ฮา!)   ที่บ้างครั้งคนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องรู้ (แต่ถ้าอยากรู้แล้วมันไม่หายอยากเนี่ย ก้ต้องช่วยตัวเองนะค่ะ 555555+)


อย่างน้อยหลังจากที่ฉันดูหนังเรื่องนี้จบ ฉันจึงได้เข้าใจว่าอ้อออออ......ทำไมพี่เลี้ยง/ครูพี่เลี้ยงจึงมีความสำคัญในยุคปัจจุบัน เพราะส่วนใหญ่พ่อแม่ที่ทำงานจนยุ่งไม่มีเวลาก็จะได้พี่เลี้ยง/ครูพี่เลี้ยงที่ชดเชยเติมเต็มให้กับเด็กๆหล่านั้น

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ข้อมูลดีดี สำหรับครูพี่เลี้ยงคนใหม่

มีคนมักจะถามเสมอๆว่าเราจะหาข้อมูลเรื่องราวต่างๆได้จากที่ไหน   ฉันเองก็พึ่งพาพี่กู (Google)  นี้หล่ะค่ะ   วันนี้เลยเอาข้อมูลดีดีมาแชร์ให้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกท่้านนะค่ะ

หมวดที่ 1 :Website อาหาร :  เนื่องจากดิฉันไม่เคยมีลูกมาก่อน และเด็กในแต่ละวัยก็ต้องการสารอาหารที่ต่างกันออกไป  ข้อมูลจาก Website ต่างๆจึงเป็นประโยชน์อย่างมาก (อย่างว่านะค่ะ เผื่อวันหน้ามีลูกแล้วอกกสงค์แห่งการใส่ใจลูกชาวบ้านจะทำให้เราได้ครูพี่เลี้ยงแบบนั้นบ้าง 5555+  ฝันเฟื่องจริงๆ)

http://adventuresinbentomaking.com/
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2011/06/D10634355/D10634355.html
http://variety.teenee.com/foodforbrain/41503.html
http://play.kapook.com/photo/show-110379
http://www.tataya.net/boardc/viewtopic.php?f=19&t=1562
http://video.postjung.com/16870.html
http://www.gourmetrecipe.com/recipes/cooking/cooking-tips/cooking-with-kids
http://blessedmom.hubpages.com/hub/Easter-recipes-for-kids
http://www.realsimple.com/food-recipes/recipe-collections-favorites/easy-breakfast-recipes-kids-00000000038639/index.html
http://kidscooking.about.com/od/howtocook/ss/kids-recipes_5.htm
http://www.delish.com/recipefinder/sesame-carrots-recipe-5081
http://kidscooking.about.com/od/howtocook/ss/kids-recipes_8.htm
http://www.kidspot.com.au/best-recipes/recipe-index.asp
http://www.delish.com/recipes/cooking-recipes/quick-kid-friendly-recipes
http://www.kraftcanada.com/en/yourkids/kidsinthekitchen/kidscancookrecipes/recipesaged6andunder.aspx
http://www.cookplayexplore.com/p/recipe-index.html
http://www.justbestrecipes.com/alcoholic/toadstool-salad-for-kids.html
http://www.supernanny.co.uk/Advice/-/Food-and-Nutrition/Recipes.aspx
http://www.tasteofhome.com/Simple---Delicious-Magazine/30-Minute-Meals/Easy-Chicken-Strips-and-Vegetables-with-Cheese-Sauce
http://www.familyeasyrecipes.com/easyrecipesforkids.html
http://www.omay.net/easy-recipes-for-kids-fried-carrots.html
http://kidscooking.about.com/od/dinnerrecipes/r/bakedcod.htm
http://www.maknyuu.us/search/chocolate+melted/page/3/
http://alldietsreview.com/sprinkle-rice-with-the-sliced-egg.html
http://www.maknyuu.us/search/halloween+recipes



แบบคลิป :  อันนี้เหมาะกับคนอย่างฉัน 55555+
http://www.youtube.com/watch?v=B47U6ff7SY8
http://www.youtube.com/watch?v=-_hbPLsZvvo
http://video.about.com/cheese/Cheddar-Cheese-Sauce.htm



หมวดที่ 2  :Website เกี่ยวกับความรู้สำหรับเด็กๆ :   หมวดนี้ฉันเองจะชอบมากเป็นพิเศษเพราะอย่างน้อยๆก็เป็นประโยชน์กับฉันมากๆที่จะได้ใช้มันเป็นเข็มทิศที่จะทำให้งานที่ทำนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเหมาะกับมือใหม่หัดสอนเด็กๆด้วย

2.1 )  English
http://www.colorincolorado.org/index.php?langswitch=en
http://www.dositey.com/2008/index.htm?page=home&PHPSESSID=5a623c82a1ea73f0f62698b2fcdc8def
http://www.tlsbooks.com/
http://www.ezschool.com/index.html
http://www.first-school.ws/theme/handwriting.htm
http://www.earlychildhoodlinks.com/teachers/worksheetselementary.htm
http://www.kindergartenworksheets.net/kindergarten-english-worksheets.html
http://www.education.com/worksheets/kindergarten/
http://www.english-4kids.com/nursery.html
http://www.gudli.com/




Worksheets : ทั้งง่ายและสะดวกสำหรับแบบฝึกหัดสำหรับเด็กๆ
http://keynotesresources.com/freeworksheets.htm
http://www.tut-world.com/p2_eng.htm

http://www.gudli.com/worksheet.html
http://www.aaaspell.com/vocabulary2.htm



Reading Comprehension : 
http://www.superteacherworksheets.com/2nd-comprehension.html
http://www.superteacherworksheets.com/index.html







Recommend >>  http://www.ixl.com/
  นี้คือเว็บที่ฉันมักจะเข้าไปดูเสมอๆเพราะนอกจากจะน่ารักแล้ว ยังแยกเป็นหมวดหมู่ได้ชัดเจน นำมาเป็นข้อมูลในการสอนได้อย่างดี



คลิปเจ๋งๆที่ใช้เป็นคู่มือการสอนได้ :
http://www.youtube.com/watch?v=jWulS0Oo2xA
http://eflclassroom.com/resources/topvideos.pdf
http://www.youtube.com/show/kidseducationalvideos?s=1
http://www.neok12.com/Phonics.htm
http://www.youtube.com/watch?v=wVhaPb1a2WQ
http://www.youtube.com/watch?v=IeJL5CuHBGA
http://www.youtube.com/watch?v=XQvK24VRK6I
http://www.youtube.com/watch?v=yQ-FpY7KseA
http://www.youtube.com/watch?v=8wwydguSKOU&feature=related



2.2 )  Activities]
http://www.youtube.com/watch?v=7qfUaJ3CASY&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=IPVHq95bxH8&feature=fvsr
http://www.youtube.com/watch?v=JXgJTLxp1xA&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=TFqVvDap1o8&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=rkq9rr9j6C0&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=HPMpGfAhCiQ&feature=results_main&playnext=1&list=PLA81E6BF7E581A129
http://www.kidsites.com/
http://kids.yahoo.com/


Web rink ต่างๆที่น่าสนใจ
http://www.more4kids.info/588/best-websites-for-kids/
http://www.more4kids.info/588/best-websites-for-kids/







หมวดที่ 3 :อันนี้มีหลากหลายประเภทให้เลือกตามใจชอบ : เพราะว่ามีเยอะแยกเป็นประเภทๆให้เลือกตามความชอบเลยค่ะ
http://www.allmyfaves.com/




หมวดที่ 4 :  สำหรับครูพี่เลี้ยงที่จะหาข้อมูลต่างๆ
http://www.supernanny.co.uk/
http://www.teach-nology.com/
http://nanny911.us/



จริงๆแล้วมีข้อมูลอีกมากมายที่เป็นประโยชน์สำหรับครูพี่เลี้ยงสมัครเล่นหรือมือฉมังก็ตาม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เราจำเป็นต้องลงแรงมากๆ เหนื่อยๆมากหน่อย สำหรับฉันนั้นก็คือ การใส่ใจ เพราะคู่มือการสอนเหล่านี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งก็ต่อเมื่อเราได้นำมันมาใช้อย่างแท้จริง และผลลัพท์ที่ได้ก็อาจจะทำให้เรายิ้ม(หลังจากที่เหนื่อยยากมามากกกก 555+)



P.S. ข้อมูลเหล่านี้อาจจะมีประโยชน์กับครูพี่เลี้ยงบางท่านที่ได้มีโอกาสสอนหนังสือ สอนการบ้านน้องๆที่เรียนหลักสูตรนานาชาติ ซึ่งคงจะมีประโยชน์เป็นอย่างมากที่จะใช้ในการหาข้อมูลและเรียนรู้การเรียนของน้องแต่ละช่วงวัย

สำหรับท่านี่มีข้อสงสัยว่าทำไมจึงมีแต่ภาษาอังกฤษไม่มีภาษาไทยบ้างหรือ ในส่วนนี้ต้องขออนุญาติให้ข้อมูลเป็นความรู้ว่าเนื่องจากงานครูพี่เลี้ยงที่ฉันได้รับปิดชอบนั้น เป็นในส่วนของการสอนภาษาอังกฤษและส่วนใหญ่ที่เน้นคือการใช้ภาษาอังกฤษ ข้อมูลต่างๆที่ให้เป้นความรู้จึงล้วนเป็นภาษาอังกฤษ  (ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ดู Inter แต่อย่างใด)  สำหรับท่านที่อาจจะยังไม่มีความรู้ในเรื่องของเด็กที่เรียนนานาชาติหรือInter ส่วนใหญ่เด็กจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนแทบจะทั้งหมด ยกเว้นบางโรงเรียนที่มีวิชาสอนภาษาไทย แต่ก็ไม่ได้เน้นมากเท่าใดนัก  เพราะฉะนั้นเนื้อหาต่างๆที่ดิฉันได้เขียนมาจึงเอามาจากเพียงส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นทำงานเท่านั้น (ซึ่งถ้ามีข้อมูลมทากกว่านี้ก็จะนำมาแชร์เพื่อเป็นความรู้แก่พ่อแม่ที่ต้องการนำข้อมูลไปสอนลูกเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด)


อีกอย่างก็คือ ในยุคปัจจุบันหลายท่านที่ยังไม่ความรู้ทางด้านครูพี่เลี้ยงกับพี่เลี้ยงเท่าใดนัก อาจจะตีความหมายว่าทำไมพี่เลี้ยงจึงจำเป็นต้องสอนหนังสือของน้องด้วย ในยุคปัจจุบันนั้น ได้มีอาชีพครูพี่เลี้ยงสำหรับเด็กๆที่อยากจะให้มีครูช่วยสอนการบ้าน ทบทวนบทเรียนต่างๆนอกเหนือจากการเรียนที่โรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรียนพิเศษกับครูผู้สอนโดยตรงหรือเรียนพิเศษเพิ่มเติมด้านอื่นๆ   แต่ครูที่จะช่วยสอนน้องๆในช่วงเวลาที่น้องอยู่บ้าน โดยเฉพาะเด็กที่เรียนภาคอินเตอร์ ซึ่งอาจจะมีปัญหาทางด้านการเรียนและต้องการครูพี่เลี้ยงที่สามารถเติมเต็มในส่วนนี้ได้ ซึ่งนี้ก้คืองานในส่วยหนึ่งที่ดิฉันได้มีโอกาสทำ   จึงอยากมาแขร์ข้อมูลและประสบการ์ณเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ยังไม่มีความรู้ทางด้านนี้ค่ะ

**รร.สองภาษา Bi-lingual กับ International School รร.นานาชาติ ต่างกันอย่างไรคะ?
http://go2pasa.ning.com/group/school/forum/topics/bilingual-international?page=4&commentId=2456660%3AComment%3A938735&x=1#2456660Comment938735



ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับวิชาภาษาไทย :
http://www.karn.tv/หน้าแรก
http://www.dekgeng.com/thai/
http://www.dekgeng.com/thai/reading.html
http://www.dekpatom.ob.tc/thai_dekpatom.html
http://www.bkk.in.th/Topic.aspx?TopicID=8810
http://www.thaigoodview.com/home
http://wanpen_poom.igetweb.com/index.php?mo=3&art=355908


และสิ่งเหล่านี้ก็คือสิ่งที่ฉันพยายามจะนำเสนอเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนที่อยากจะได้ข้อมูล  ซึ่งถ้าเป็นประโยชน์ที่จะนำไปให้ความรู้ต่อก็ยิ่งจะดีเป็นอย่างมาก  ได้แต่หวังว่าความพยายามในสิ่งดีๆเหล่านี้จะมีประโยชนืกับผุ้ที่มีความรู้และอยากจะนำความรู้ดีๆเอาไปไว้ใช้นะค่ะ

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เมื่อมีข้อดี......ก็ต้องมีข้อผิดพลาด

จะว่าไปแล้วที่เขียนๆไปนั้นล้วนแต่จะมีเพียงการนำเสนอเพียงด้านเดียว ซึ่งบางครั้งกว่าจะออกมาด้านดีขนาดนั้นได้ก็ต้องผ่าน "วิกฤต" มาหลายครั้งหลายคราวพอสมควร

เริ่มจากเรื่องการทำอาหารก่อน

จากที่ได้อ่านๆอาจจะดุแบบว่า....ไหนว่าทำไม่เป็น? ทำไมไม่ทำอะไรง่าย?  Back to the Basic ดีกว่าไหม? แน่นอน สิ่งที่ทึกคนคิดเหมือนกันนั้นก็คือ ตระกูลไข่  555+  แน่นอนตอนแรกฉันก็หวังว่า....จะฝากชีวิตไว้กลับมันได้เหมือนกัน แต่......ของแบบนี้ ความสามารถของแต่ละคนก็ต่างกันออกไป 555+  ฉันอยากจะบอกว่าเมนูสารพัดไข่ ยกเว้นไข่ตุ๋น เป็นเมนูที่สามารถฆ่าฉันแบบยกแผงไข่มาแล้วทีเดียว  อาจจะคิดว่าอะไรกันเมนูง่ายๆทำไม่ได้หรอ? คำตอบคืดใช่ 555+ เพราะไม่ว่าฉันจะเพียรพยายามทอดกี่ทีๆ มันก็ออกมาเป็นไข่มนุษย์ต่างดาวทุกคราวไป ไม่ว่าจะทั้งดำและเละ จนบางครั้งๆเด็กๆเห็นถึงกับตกใจอุทานว่า.......ไฟไหม้หรอ !?!? พร้อมกับทำตาโตกันสุดริท  5555+  ฉันได้แต่ตอบเสียงอ๋อยๆว่า มันหน้าตาอาจจะแปลกไปสักหน่อย แต่อร่อยนะ (5555+)  เด็กๆก้ได้แต่ทำหน้าปูเลี่ยนใส่ ถ้าเด็กใจดีหน่อยก็อาจจะแค่....ทำหน้ากลืนไม่ลง  แต่ถ้าเด็กจริงใจโผงผางก็อาจจะเจอ......."ยี้ๆๆๆๆๆไข่อะไรเนี่ยดำมากกกกก  ผมกินไม่ได้หรอก ผมกลัววววววววววววววววววววว!!!"  (ไม่ได้โอเว่อร์ 555+ พร้อมกับส่งเสียงดังสุดริท ประจานสุดๆ  5555+)   ไม่ต้องเดาว่าฉันต้องไปทอดใหม่ใช่ไหม? Nop! ไม่มีทาง เปลี่ยนเมนูเลยดีกว่า 5555+  หลังๆจากประสบการ์ณครั้งนั้น ฉันมักจะทอดดาวเผื่อเสมอ  5555+


อารมณ์ของเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กที่เอาแต่ใจและเคยถูกตามใจ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากอีกเหมือนกันสำหรับคนที่ "ไม่เคยมีลูก" และไม่ได้เรียนทางด้านนี้มาโดยตรง (และถึงแม้เรียนมาโดยตรงก็อาจจะเอาไม่อยู่เช่นกัน)  การงอแงของเด็กๆมักจะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่บางครั้งนั้นก็คงจะต้องปราบปรามพวกที่มากจนเกินไป   วิธีการของฉันนั้นก็ออกจะแสนโหด มันส์ ฮา  กวน จะว่าไปเรามาดูเคสฮาๆที่จะโกรธ  ตลก หรือขำดี

ฉัน : อ๊ะพี่ให้เวลาทำ  10 นาทีนะ เพราะที่ผ่านมาชอบโอ้เอ้เสียเวลา
หนุ่มน้อย : โหววววววว   (ท้าทายตามประสาอยากลองของ  ให้ทำใช่ไหม  งั้นเราจะเดินไปกินขนม 555+)
ฉัน : เหลือเวลาอีก 5 นาที
หนุ่มน้อย : อะไรกัน ผมเพิ่งไปกินขนมมา
ฉัน : พี่ให้น้องกินก่อนทำแล้วใช่ไหม? น้องก็บอกว่าอิ่มแล้วใช่ไหม?
หนุ่มน้อย : พยักหน้า (แบบเอออๆๆตูรู้ 555+)
ฉัน : ครบ 10 นาทีพี่เก็บเลย แล้วไม่ต้องเอา Mark ด้วย ใครทำคนนั้นได้
หนุ่มน้อย :  ร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์  และไม่ทำเช่นเคย
ฉัน : พอครบ 10 นาทีแป๊ะเก็บเลย พร้อมเขียนให้เห็นๆว่าได้ Mark 0
หนุ่มน้อย :  อะไรกันเนี่ย โหวววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว ผมยังไม่ทันตั้งตัวเลย ไอ้บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฉัน : อ้าวพูดคำหยาบด้วย
หนุ่มน้อย : ไม่ใช่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆผมว่าผมบ้าเอง ผมมันบ้าเอง  ผมไม่น่าเกิดมาเป็นน้องเล็กๆเลย ผมอยากเกิดมาโตบ้างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฉัน : (คิดในใจเอาแล้วไงตูมีคนอยากแย่งชิงตำแหน่งออสก้า สาขาดราม่าฝ่ายชายแล้วไง 55555+) ดุไปก็ขำไปด้วยความเอ็นดู 55555555+


ซึ่งแน่นอนที่สุดอะไรก็ตามโดยเฉพาะเด็กที่ไม่เคยโดนบังคับ ไม่ได้ฝึกฝน เป็นธรรมดาที่จะมีปฏิกิริยาต่อต้าน และตัวฉันเองก็มักจะใช้วิธีการนิ่งเฉย ปล่อยให้ร้อง (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถูกไหม ) ซึ่งบางครั้งเด็กก็หยุดเองเพราะเหนื่อย หรือไม่ก็จะมารังความนด้วยวิธีการต่างๆเช่น ดึงปากกาเราบ้าง ดึงเสื้อเราบ้าง  ซึ่งแน่นอนเราก็เผลอกอดและโอ๋ แต่......ตัดภาพไปที่หน้าหนุ่มน้อยของเรา อิอิอิ แอบดีใจ และ.....ร้องหนักกว่าเดิมเป็นเท่าตัว กรี๊ดดดดดดดดดด  ทำเอาฉันตกใจว่าเอ๊ะฉันไปโดนปุ่มอะไรหรือเปล่าเนี่ย 5555+  ซึ่งแน่นอนวิชานี้ไม่สามารถถามพี่กู(goolgle) ได้ตลอด ของอย่างนี้ต้องประสบการ์ณเท่านั้น






เวลาตั้งกฏกับเด็กต้องระวัง.......เข้าตัว

ด้วยความที่เด็กมักจะเคยได้อะไรมาง่ายๆ อยากได้อะไรก็ได้  ซึ่งนั้นจะทำให้เราเอาอะไรมาล่อให้ทำความดียากขึ้น  นั้นจึงเป็นที่มาของการ ......มีกฏ  ซึ่งแน่นอนว่าเป็นธรรมดาที่ไม่เคยไม่ Challenge ใดๆทั้งสิ้นมาก่อน พอมาเจอการตั้งกฏเก็บคะแนน (Mark) ต่างๆ ก็เป็นธรรมดาที่จะมีการประท้วงกันบ้าง  ไม่ว่าไม่ทำตาม ไม่สนใจ กฏอะไร ฉันไม่ต้องการ เพราะคิดว่าจะทำหรือไม่ทำก็ได้ของเล่นของที่ชอบอยู่แล้ว  แต่เมื่อเราเข้าไปจัดระเบียบเล็ก เป็นธรรมดาที่กบฏตัวน้อยจะเริ่มก่อม็อบ 5555+  ยิ่งพวกมาก ยิ่งต่อต้านเยอะ แน่นอนเรามีกฏการเก็บคะแนนเพื่อแลกซื้อของต่างๆที่ตั้งใจไว้ โดยให้คะแนนตามความดีของแต่ละคน   เช่น ตื่นสายหัก  10 คะแนน ไม่เก็บที่นอน หักอีก 10 คะแนน อะไรก็ว่าไป    ซึ่งฉันว่าก็คงสร้างความขมขื่นและขุ่นเคืองในใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว 55555555+ และแล้ววันโลกเปิดก็มาถึง โอกาสทองของเด็กๆ (ฉันต้องขอชมว่าเป้นความฉลาดนะค่ะ เพราะ....)  วันนี้เรามีกิจกรรมไปปั่นจักรยานกัน แน่นอน เราต้องมาการใช้ภาษาอังกฤษทบทวนไปด้วย   ขณะที่ฉันเป้นคนตั้งคำถามว่านั้นคืออะไร นี้คืออะไร โน่นคืออะไร ถ้าใครตอบได้ก็ให้ปั่นต่อไป  ซึ่งแน่นอนเด็กๆตอบได้  และแล้วหายนะก็มาถึง เมื่อรอบนี้แนเปลี่ยนให้เด็กเป็นคนคิดที่จะตั้งคำถามบ้าง

หนุ่มน้อย :  What color is the sky?
ฉัน : White, Blue (คิดถึงคำพูดของอาจาร์ยน้องที่สอนมาว่า ต้องทำเป็นไม่รู้ให้น้องตอบบ้าง)
หนุ่มน้อย :  White Blue and Yellow  55555+   พี่กิฟท์ตอบผิด พี่กิฟท์เลือกเอาว่าจะให้ผมหักเงินเดือนเท่าไหร่?
ฉัน : ได้แต่เหวอออออออ 555+  และถามออกไปว่า ทำไมต้องหักเงินเดือนพี่ด้วยหล่ะ
หนุ่มน้อย : ก็เวลาผมทำอะไรพี่กิฟท์ก็ชอบหัก Markๆๆๆๆๆๆๆๆ คราวนี้พี่กิฟท์ตอบไม่ได้ก็ต้องกัดเงินเดือนสิ  5555555555555555555+ (หัวเราะอย่างมากกกกกกก)
ฉัน : ได้แต่ขำ (ไม่ออก)  555555555555+  



สัตว์เลี้ยงกับเด็กๆ

เคยสังเกตไหมค่ะว่าเด็กที่มีสัตว์เลี้ยงมักจะมีจิตใจที่อ่อนโยน  (ไม่นับที่ฆ่าสัตว์ยนะค้า 5555+)  อันนี้ฉันค้นพบโดยบังเอิญ  สืบเนื่องมาจากกิจกรรมสร้างสรรค์ศิลปะนั้นเอง   นั้นก็คือการสร้างบ้านให้น้องแมว   เด็กๆดูจะมีวามสุขมากกับการทำสิ่งเหล่านี้  เพราะมันทำให้เด็กได้คิดริเริ่มสร้างสรรค์และที่ดีไปกว่านั้นคือ ฝึกจิตใจที่อ่อนโยน    ว่าแล้วเรามาดูบทสนทนาน่ารักๆของเด็กกันดีกว่า

ฉัน : อ่ะวันศุกร์นี้เราจะให้จับฉลากสร้างบ้านให้น้องแมว โดยเอาลังกระดาษมาทำ  ทาสี ตกแต่งตามใจชอบ แต่เรามีน้องแมวอยู่ 3 ตัว คือ  Kitty แมวพี่, แมวเทาดำ (แมวจรจัดที่ฉันให้อาหาร) , แมวดำ (ลูกแมวตัวเล็ก ลูกของแมวเทาดำ) , พี่ด้วน (กิ๊ก Kitty 555+)
เด็กๆๆ  :  ไม่เอาพวกเราจะเลือกเอง
พี่สาวคนโต : เจ๊จะเอา kitty เพราะเจ๊ชอบ แล้ว kitty ก็ฉีดยาแล้ว
พี่ชาย (คนรอง) : โหวววว เจ๊ไม่แฟร์อ่ะ  ผมก็อยากได้ Kitty เหมือนกัน แมวตัวอื่นผมกอดไม่ได้   ผมกลัวมันกัด
น้องชายคนเล็ก : อี๋ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆแมวดำเป็นแมวผี ผมกลั๊วววววววววววววววววว
ฉัน : เอางี้เอากระดาษมาเดี๋ยวพี่ให้พี่อีกคนเขียนชื่อแมวลงไปแล้วจับฉลากเอา โอเค?
เด็ก : โอเค

ผลที่ได้ก็คือ  พี่ชายคนรองได้แมวแม่ดำเทา, น้องชายคนรอง ได้แมวผี เอ้ยยยแมวดำ (แบบไม่สมใจอยาก 5555+) และพี่สาวคนโตสุดได้ kitty ไปครอบครอง    แต่........ปัญหามันได้จบแค่นั้นไม่ เพราะชั่วโมงการทำบ้านแมวก็มาถึง และ...................ปัญหาอีกมากมาย

@  Study Room
 พี่ชายคนรอง : พี่จะทำบ้านให้แม่แมว แล้วมีห้องครัวด้วย ห้องรับแขกด้วย
น้องชายคนเล็ก : ผมไม่อยากทำเลยอ่ะ   ผมไม่ชอบบบบบบบบบบ
พี่สาวคนโต :  แกก็ทำๆๆไปเถอะนะ  แกทำใช่ว่าแมวมันจะชอบของแก
ฉัน :  (ฟังแล้วได้แต่ขำ 5555555++)  เอางี้ไหม เพื่อจะได้รุ้ขนาดของบ้านว่าแมวจะอยู่ได้ไหม เราไปวัดตัวแมวกันดีกว่า  ป่ะ ไปกันเถอะ

@ บ้านที่ฉันพัก (สวัสดิการดีดีจากเจ้าของบ้านนั้นเอง)
พี่ชายคนรอง :  โหววววววว ผมว่าเจ๊โชคดีกว่าคนอื่นอ่ะ ได้ Kitty  แถมได้กอดได้ ได้อุ้มได้ แต่แมวผมเนี่ย มันไม่ได้ฉีดยานะ
น้องชายคนเล็ก :  แมวของผมน่าตาอัปลักษณ์มากกกกกกก  มันเป็นแมวผีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เจ๊ : (กอดแมว เล่นกับแมว ยิ่งยั่วให้น้องโมโห 55555+)  5555555+  แมวแกกอดไม่ได้ 5555555+
ฉัน : อ๊ะๆ ไม่ต้องเถียงกัน ไปวัดตัวแมวดูดีกว่าไหม (และฉันก็สังเกตพฤติกรรม เพราะกลัวแมวจะตายเสียก่อน 55555555+)
พี่ชายคนรอง : (ท่าทางกล้าๆกลัวๆ)  นี้ดูสิพี่จับหัวมันได้แล้ว
น้องชายคนเล็ก : เฮ้ยยยยพี่ระวังติดโรคนะ
ฉัน :  (ได้แต่มองแบบขำๆๆฮาๆๆ อมยิ้ม)
พี่ชายคนรอง : น้องๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น้องไม่จับมันดูแล้วมันจะรู้หรอ
น้องชายคนเล็ก :  พี่จับก่อนดิ ดูดิมันไม่ให้ผมจับมันเลย
พี่ชายคนรอง : โหวววววววน้องอ่ะ น้องทำแบบนั้นมันก็กลัวอ่ะดิ    มานี้พี่จะสอนวิธี
น้องชายคนเล็ก : เฮ้ยยยยย พี่มันวิ่งหนีอ่ะ
พี่ชายคนรอง : อ้าววก็มันกลัวน้องไง  โหวววมานี้พี่จัดการเอง พี่จะบอกนะวิธีการเข้าหาแมวเนี่ยน้องต้อง .........................................Bha bah bah bha bha bha bha bha
ฉัน : (ได้แต่อมยิ้มขำๆ คิดในใจว่า........จากเด็กที่เอาแต่ใจ กรี๊ดดๆๆ  พอมาเจอน้องแมวที่ไม่สามารถบังคับได้ ก็สามารถที่จะใช้ความอ่อนโยนและใจเย็นเพื่อสร้างความสนิทกับสัตว์ได้  และดูว่าแม่แมวเทาดำดูจะชอบน้องเสียด้วย ทั้งๆที่ปรกติแมวจรจัดมักจะขี้กลัว ระวังตัว เพราะว่าเจอโลกโหดร้ายมาเยอะ)  จากการที่ฉันสังเกตุดูเด็กๆดูจะมีความสุขและจิตใจอ่อนโยนขึ้นมากกกกกกกกกกก โดยเฉพาะพี่ชายคนรองที่ดูจะมีความสุขมากๆกับการสร้างบ้านให้น้องแมวเมียว  งานนี้ถือได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น 1.ได้สร้างกิจกรรมดีๆ จากสิ่งเหลือใช้  2. น้องแมวได้บ้านสำหรับพักพิงกาย หลบลมหนาว  และสุดท้ายที่นั้นก็คือ................................เด็กๆที่มีความสุข ได้เห็นแววตาที่อ่อนโยน  ความสุขที่แมวเข้าบ้านตัวเอง (555555+  ลุ้นยิ่งกว่าหวยออก 55555555+)  เพราะจุดประสงค์ของงานนี้ก็คือเรื่องสุดท้ายนี้นั้นเอง ^^ แค่คิดถึงยังอดอมยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ ^00^

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เวลาเปลี่ยน....... เราก็ต้องเปลี่ยน

ระยะเวลาที่ทำงานเป็นครูพี่เลี้ยวบ้านหลังแรกนั้น ผ่านไปได้เพียง 2 เดือน ซึ่งก็ถึงกาลที่จะต้องเปลี่ยนครูพี่เลี้ยง ซึ่งสำหรับฉันนั้้น เมื่อเราได้ทำงานนี้แล้วสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นั้นก็คือ ความผูกพัน   แน่นอนก่อนที่จะมาทำงานครูพี่เลี้ยง ฉันได้มีโอกาสคุยกับคุณแม่ของเด็กบ้าง  และได้แชร์ประสบการ์ณวีรกรรมต่างๆที่เพื่อนของเขาเคยเจอ ไม่ว่าจะเป็น ครุพี่เลี้ยงเด็กผันตัวไปเลี้ยงสามีแทน (5555+) , เลี้ยงไปเลี้ยงมาก็นึกว่าเอาว่ะ พาเด็กหนี (แม่ง) ซะเลย (555+ อันนี้คิดว่า ถ้าทำลูกเองคงช้า 555+)  และอีกมากมาย แต่ที่ประเด็นใหญ่ๆก็มักจะมีสองเรื่องนี้ที่บรรดาแม่ๆมักจจะกังวล ซึ่งก็คงปฏิเสทไม่ได้ว่า ......เรื่องเหล่านี้มีเกิดขึ้นจริง  เพราะฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้บรรดาแม่ๆสบายใจได้นั้นคืออะไร ???  และนั้นทำให้ฉันเข้าใจว่าทำไมบริการครูพี่เลี้ยงที่มีบริษัทรับรอง มีสัญญาว่าจ้างที่ดีนั้นจึงจำเป็นและเข้ามามีบทบาทมากในปัจจุบัน เพราะ ..............................

1. มั่นใจได้ >>> ไม่ว่าจะมั่นใจได้ว่า ถ้าโดนยกเค้าก็รู้ว่าเป็นใคร ฟ้องร้องได้ , มั่นใจได้ว่ามีที่มาที่ไป ไม่ใช่เพิ่งข้ามประเทศมา (555+)  , เรื่องชู้สาวต่างๆ จะง่ายขึ้นเมื่อคุณสามารถฟ้องนร้องความเสียหายที่ครูพี่เลี้ยง ทำเกินหน้าที่ (ถ้าสอนเด็กเกิน ดูแลเด็กมากเกินไป ก็พอจะเข้าใจ แต่......) ทำหน้าที่แทนแม่ของเด็กนั้นก็คือ ........ อันนี้ก็ต้องเกินกว่าหน้าที่ไปหน่อย 555555+

2. มีเงื่อนไขหรือสัญญาว่าจ้าง >>> ที่อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย    ดูแลครอบคลุมทั้งสองฝ่ายอย่างยุติธรรม  ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน


พูดถึงเรื่องการทำงานครูพี่เลี้ยงของฉันต่อดีกว่า  ประสบการ์ณสองเดือนแรก ฉันถือว่าประทับใจพอสมควร แม้ก่อนหน้าที่ฉันจะไปทำจะมี Comment ที่ค่อนข้างไปทางน่ากลัว  แต่เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนพี่เลี้ยงคนเก่ามาเป็นฉัน  หน้าที่ก็ต้องหน้าที่ แม้ในใจจะคิดว่า...... อะไรว่ะ งานแรกก็เจองานหินเลยหรือเนี่ย??? 55555+   แต่พอเมื่อทำไปนานๆ เริ่มเรียนรู้สนิทสนทกับเด็กๆ แน่นอน มันอาจจะมีปัญหามากมายให้ได้แก้ไขเสมอๆ ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาของเด็กๆเท่านั้น แต่ตัวครูพี่เลี้ยงเองก็ต้องพัฒนาไม่หยุดนิ่งเช่นกัน   ไม่้ว่าจะเป็น ตัวการ์ตูนต่างๆที่สมัยเราเป้นเด็กกับปัจจุบันก็อาจไม่เหมือนกัน  , การเรียนที่เรียกได้ว่ายากพอสมควร  โดยเฉพาะแบบฝึกหัดต่างๆ การเรียนที่ต้องพยายามให้เป็นไปตามแบบแผนของทางโรงเรียน (บางครั้งโรงเรียนนานาชาติเหมือนกัน แต่แผนการเรียนก็อาจจะไม่เหมือนกัน) ไม่ว่าจะแบบ British  English   , American  English   , ไหนจะมีนานาชาติแบบสิงคโปร์ อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ซึ่งงานนี้นอกกจากจะช่วยน้องแล้ว เรายังได้ความรู้เพิ่มขึ้น (สำหรับเตรียมตัวเป็นคุณแม่ในอนาคต 555+)  ก็ต้องพัฒนากันไป ปรับตัวกันไป  

และเมื่อเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงมาถึงสิ่งที่ต้องยอมรับอย่างนึงว่าต้องเกิดขึ้นแน่นอน นั้นก้คือ ความผูกพัน ซึ่งสำหรับฉันแล้วแม้อาจจะไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน แต่ก็ยอมรับว่ายังคิดถึง  (แต่ไม่ถึงขนาดอยากเอาเด็กหนีไปด้วยนะค่ะ 5555555+)  แค่ทำให้เราเรียนรู้ว่า......เมื่อใดก็ตามที่มีพบก็ต้องมีจาก เป็นธรรมดาของชีวิต  จริงไหมค่ะ ^0^

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เริ่มงานแรก

งานแรกที่ฉันได้รับมอบหมายมานั้น ถือว่าเป็นงานที่ท้าทายความสามารถน่าดู เพราะนอกเหนือจากการสอนการบ้านแล้ว  (ซึ่งก็ยอมรับว่ายากพอสมควรและยังต้องพัฒนาอีกมาก)  ยังมีหน้าที่ที่เพิ่มเติมมาอีกนั้นก็คือ การทำอาหาร!!!!!! 

OMG!! เป็นคำอุทานที่แทนความรู้สึกตอนนั้นได้เป็นอย่างดี   คิดในใจทำไงดีว่ะ(กู)???  ว่าแล้ว The Show Must go on คิด คิด คิด คิด พยายามขุดคุ้ยความรู้ทางด้านการทำอาหารที่มี  ซึ่ง..........หาไม่เจอ 5555+  จำได้เลือนลางมากกกกกกกกกก  555+ ว่าแล้วก็เอาว่ะ ไม่มีอะไรในโลกที่ทำไม่ได้  ถ้าเราพยายามก่อน ว่าแล้วก้เอาหล่ะว่ะ พึ่งพี่กู(Google)นี้แหล่ะ พร้อมทั้งขอความรู้จากแม่บ้าง  และแล้วก็ออกมาเป็นเมนูต่างๆ ที่เรียกได้ว่า.......พอใช้ได้ (เพราะเด็กๆยังรีเควทบ้างนั้นเอง)

ว่าแล้วมาดูเมนูอาหารต่างๆ เผื่อพี่เลี้ยงท่านใดอยากนำไปใช้บ้างก็ยินดีค่ะ

เมนูแรก ขอตั้งชื่อว่า :   ไข่ Angry Bird

ส่วนผสม :  ก็คล้ายๆกับหมูปั้นทอดนั้นเอง ฮา!

1. หมูบด
2.น้ำตาล
3.น้ำปลา
4.น้ำมันหอย
5.ชีส (ชีสแผ่นหันเป็นสี่เหลี่ยมเล้ก เอาไว้ใส่ในหมูปั้น)

ส่วนผสม รังของ Angry Bird  :  ได้ Idea มาจาก Onion Ring
1. หอมหัวใหญ่ ซอยเป็นแว่นกลมๆ
2. แป้งโกกิ
3. น้ำ

วิธีทำ : 
1. ใส่หมุบด น้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน   หลังจากนั้นพักไว้สักครู่  
2. นำหมูบดมาปั้นเป้นก้อน  ทำรูตรงกลาง  ยัดชีสแผ่นใส่ลงไป ปิดให้มิด 555+
3. นำไปทอดด้วยไฟปานกลาง ถึงอ่อน (มือใหม่หัดจวัก อย่าได้ฮึกเฮิม 555+)
ขอข้ามวิธีการตักออกจากน้ำมัน เพราะนั้นคาดว่าคงรู้แล้ว 5555+
4. ถึงเวลาทำรังนก Angry Bird โดยนำหัวหอมมาคลุกแป้งโกกิ (มีเคล็ดลับนิดนึงตรงที่ใช้น้ำเย็นเจี๊ยบและใส่น้ำแข็งก้อนไปด้วย เพราะจะทำให้ทอดออกมากร๊อบบบบกรอบ  ถามชาวบ้านมาอีกที5555+)  ถอดเสร็จช้อนขึ้นมาเสด็ดน้ำมัน 
5. จัดใส่จานให้งามเงิบโดยนำรังวางก่อน แล้วค่อยตามด้วยหมูทอด อาจมีน้ำจิ้มบ๊วย หรือจะราดน้ำสลัด ก็อร่อยเกิด เริ่ดดดดดดด!แน่นอน 


เมนูที่ 2 :  ไก่อบซอสมะเขือเทศ (อันนี้ได้สูตรมาจากแม่)

เมนูนี้เราจะทำน้ำซอสมะเขือเทศเอง และเหมาะสำหรับเด็กที่ชอบ "ผักแปรงร่าง" 555+ คืดไม่เห็นสภาพก่อนมาเป็นน้ำซอสนั้นเอง

ส่วนผสม :

1. ไก่ (อก  น่อง สะโพก เลือกเอาที่ชอบ)  หมักกับนมสดและน้ำมันพืช (ทั้งสองอย่างมีคุณสมบัติทำให้เนื้อนุ๊มมมนุ่ม)
2. มะเขือเทศ ขอแบบจัดเต็ม สัก 6- 8 ลูก
3. หอมหัวใหญ่  ใส่ไม่ยั้ง(กรุณาหั่นด้วยนะค่ะ  ถนัดไถ สไล ซอย แว่น ตามใจชอบเพราะเวลาตุ๋นไปก็และอยุ่ดี 555+)  สักประมาณ  4- 5 ลูก
4. น้ำตาล  น้ำปลา น้ำมันหอย


วิธีการทำ :
1. หมักไก่กับนมสดและน้ำมันพืช ทิ้งไว้สัก  1/2 -1 ชม. เพื่อให้เนื้อนุ่ม
2. เตรียมมะเขือเทศ โดยการต้มน้ำร้อนให้เดือด นำมะเขือเทศลงไปต้ม รอจนมะเขือเทศแตก คือเปลือกมันจะปริๆ จะได้ลอกเปลือกง่ายๆ  เมื่อเปลือกแตกแล้วให้ตักใส่น้ำเย็นธรรมดา (ไม่ต้องจัดนะค่ะ 555+)   ค่อยๆลอกเปลือกมะเขือเทศออก  พักไว้
3. ตั้งกะทะ/ หม้อใบกลาง   ใส่น้ำประมาณ 3 ส่วน สี่     ตักมะเขือเทศที่ลอกเปลือกแล้วใส่ลงไป  ตามด้วยหอมหัวใหญ่ซอย   ตักไก่ใส่ลงไปวางชั้นบนสุด   ปิดฝา  ตั้งไฟปานกลาง ตุ๋น/เคี่ยวไปเรื่อยๆ (อาจเปลืองแก๊ซบ้างอะไรบ้าง ฮ่าๆ)   ไม่ต้องคนใดๆทั้งสิ้น เดี๋ยวมันจะละลายเอง
4. เมื่อทุกอย่างเละเป็นเนื้อเดียวกัน ให้เติมน้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย ลงไป ที่ให้เติมที่หบังเพราะว่า เราจะได้ความหวานของหัวหอมและอมเปรี้ยวนิดๆจากมะเขือเทศ  ต้องระวังอย่าให้ไก่มากกว่าผัก  แต่ผักมากกว่าไก่ได้ เพราะเราสามารถเอาน้ำซอสไปฟรีซเก็บ เมื่อเราจะเติมไก่เพิ่มลงไปก็เอามาเคี่ยว  หรือใครอบทานสปาเก็ตตี้ก็นำมาราดบนสปาเก็ตตี้ได้


เมนูที่ 3 : ข้าวต้มแดงธัญพืชหลากสี (ตั้งชื่อให้น่ารัก เริ่ดๆว่า Rainbow Congee)

เมนูนี้ท่านได้แต่ใดมา? 555+ ฉันขอสารภาพบาปว่าจับพลัดจับพูอย่างแรง  เพราะเนื่องจากว่าหันซ้ายแลขวา เห็นข้าวแดงที่คุณตาของหลานนำมาให้ พร้อมสรรพคุณดีๆมากมาย  จนแล้วจนรอดก็ไม่มีโอกาสได้ทำ แต่แล้ว.............โอกาสก็มาถึง!!!! 555+ 

ส่วนผสม : ได้มาอย่างง และโครต......งวย (งงงวย)  นั้นเอง 555+
1. ข้าวแดง ข้าวกล้อง ข้าวที่มีประโยชน์ทั้งหลาย
2.น่องไก่
3.ข้าวโพดอ่อน
4. งาดำ (ปรกติแล้วเด็กๆมันจะไม่ชอบงา เพราะเห็นมันดำๆ แต่เนื่องจากฉันเชื่อว่างาดำนั้นกินแล้วดีมาก เนื่องจากแม่ดิฉันเองก็กินตั้งแต่เด็กๆ  สรรพคุณก้ไม่มากไม่มาย  แค่กินแล้ว..........สวย  เอ้ยย! กินแล้วดีกับกระดูก ผม แค่นั้นเอง) 
5. น้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย

วิธีทำ :
1. เรื่มจากนำข้าวไปต้มในหม้อ ผสมข้าวกับน้ำเข้าด้วยกัน
2. เอาหม้อมาอีกใบ (555+ บอกจรงๆว่า ไม่เข้าใจว่าจะเยอะไปทำไหม??? แต่สุดท้าย ก็คิดว่า ดีนะที่เยอะแต่แรก 555+) ใส่น้ำ  เติมเครื่องปรุง น้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย คนให้เท่ากัน เติมน้องได้ลงไป  ใช้ไฟอ่อนๆ เพื่อค่อยๆตุ๋น ตุ๋ย...เอ้ยย ตุ๋นไปเรื่อยๆ จนใกล้สุก ก็หั่นข้าวโพดอ่อนใส่ลงไป   ตุ๋นไปเรื่อยๆ
3. Mix together 555+  น้ำหม้อที่ตุ๋นน่องไก๋ เอามารวมกับหม้อที่ต้มข้าวแดง  ปสมให้เข้าเข้ากัน  เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนเป็นเนื้อเดียวกัน  ปิดไฟ โรยงาดำ (ถ้ามีงาขาว หรือธัญพืชอื่นๆที่ดีก็สามารถโรยลงไปได้)  คลุกเคล้าให้เข้ากัน  เวลาเด็กๆทานก็จะไม่เห็น   

ปล. สามารถคั่วงาดำเก็บไว้ใส่กระปุก ตั้งโต๊ะกินข้าวไว้ เวลาทานข้าว ก็โรยข้าวสวยร้อนๆสักหน่อย อย่างน้อยก็ดีกับคนที่ไม่ได้ทานนมบ่อยๆ  ลองดูนะค่ะ


เมนูที่  4 :  ทูน่าผัดกะเพราะ (ง่าย 5 ดาวเลยทีเดียว 555+)

ส่วนผสม :
1. ปลาทูน่าในน้ำมันกระป๋อง
2. น้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย
3. ใบกะเพรา  (จริงๆเมนูจะผัดเพียวๆ ไม่ใส่กระเพราก็ Yummy หลายเด้อค่าเด้อ)

วิธีทำ :
1. เทปลาทูน่าในน้ำมันลงกะทะ (ไม่ต้องใส่น้ำมัน)
2. เติมเครื่องปรุงน้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย ปรุงรสตามใจชอบ  ถ้าต้องการเพิ่มน้ำคลุกคลิกก็เพิ่มน้ำได้นะค่ะ
3. ใส่กะเพราลงไป   ผัดสักพัก ตักใส่จาน หม่ำกับข้าวสวยร้อนๆที่คลุกเคล้ากับงา ฮึ่มมมมมมม.........โออิชิ เดส 5555+






เมนูเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ได้ทำ  ซึ่งก้เพิ่งค้นพบว่าเวลาทำอาหารมักจะร้องเพลงอยู่เสมอ  555+  และมักจะมีคนทักว่ามีความสุขจริงๆเลยนะ เวลาทำอาหารเนี่ย   จะว่าไปบางครั้งถ้าเราได้ลองทำอะไรที่เราคิดว่าเราไม่น่าจะทำได้ (เพราะไม่เคยคิดจะทำ 55+) ก้ทำให้ได้ค้นพบความสุขเล็กๆเช่นกัน  แล้วจะมาเล่าประสบการ์ณสนุกๆอีกนะค่ะ


อ้อ.........ลืมเล่าไป เรื่อง Feedback ก้...........จริงใจมว๊ากกกกกกกกกก  555+ เช่น รสชาดแย่มากกกกกก(แต่เติมข้าวและกอนหมดเกลี้ยง 555+) , นี้มันอะไรเนี่ยหน้าตาน่าเกลียดดดดดดดดดด (ยึกยักอยู่นานนนนนว่าจะตัก ไม่ตัก แต่สุดท้ายก็ลองดู แล้วก็พอผ่านไปได้)  แต่จะว่าไปแต่ละครั้งที่มี Comment มาต่างๆนานา โดยเฉพาะผู้ชิมคือเด็กน้อย (ที่แสนจะเอาใจ........ยากกกกก 555+) ก็ถือเป็นความท้าทายอย่างนึงที่ทำให้เลือดในร่างกายสูบฉัด (มว๊ากกกกกก 555+)  และในขณะเดียวกันก็ทำให้เราได้.....ลงมือทำจริงๆ (ที่ผ่านมักจะเป็นแบบ "สร้างภาพ" ซะมากกว่า 555+ )  ที่สำคัญทำให้ฉันได้ค้นพบว่า........ทุกครั้งที่ฉันทำอาหารฉันมักจะมีความสุขที่ได้ Create อาหารแปลกๆ แบบใหม่ๆ ให้เด็กตัวน้อยๆ (ซึ่งก็แล้วแต่อารมณือีก 5555+ เพราะบางครั้งอะไรที่เคยทำแล้วบอกว่าอร่อย พอทำอีกที ปรุงแบบเดิม แต่เด็กน้อยๆก็อาจจะบอกว่าไม่อร่อยก็ได้ 5555+)  เพราะฉะนั้นไม่ใช่แค่ท้าทาย แต่................อาจจะกลายเป็นต้องทำใหม่หรือทำเพิ่มเลยก็ได้ 555555555555+

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Start Nanny's Life

     หลายคนอาจจะสงสัยว่าคำว่า nanny นั้นคืออะไร ก็ง่ายๆสั้น นั้นก็คือ พี่เลี้ยง  ซึ่งแต่ก่อนอาชีพพี่เลี้ยงเด็กมักจะถูกเหมารวมว่างานเหล่านั้นมักจะไม่ต้องใช้ความรู้อะไรมากมาย  แต่เมื่อเกิดเหตุการ์ณพี่เลี้ยงต่างด้าวขึ้นซึ่งมักจะมาพร้อมกับข่าวหน้าหนึ่งบ้าง (ฮา!)  ทำไมให้พี่เลี้ยงต่างด้าวเลี้ยงลูกไปๆมาๆ ลูกสำเนียงเพี๊ยนๆ เอ๊ะ......หรือนั้นคือ สำเนียงต่างชาติ (ฮา!)   ซึ่งแน่นอนว่าในระดับตัวเงินที่คุ้มกับหน้าที่แค่เลี้ยงเด็กก๊อกๆแก๊กๆที่ผ่านมาจึงถูกมองข้ามและประเมินว่า.......ถูก = ดี    ของแบบนี้เป็นเรื่องความต้องการส่วนบุคคล และแน่นอน ในชีวิตของฉันไม่เค้ยยยยย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาทำหน้าที่นี้ใน......ประเทศไทย (555+ เพราะอย่างที่รู้ๆ ออแพร์ต่างชาติได้เงินดีกว่าเยอะ แต่เนื่องจากเดี๋ยวนี้เขาก็พัฒนามาตราฐาน Up grade พี่เลี้ยงให้มีความเชี่ยวชาญและความรู้มากขึ้นกว่าเดิม นั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องได้รับใบรับรองก่อนไปทำงาน)  และอีกหลายเหตุผล ไม่ว่าจะฉันไม่เคยอยากจะมีลูก (แต่ไม่ใช่ไม่ชอบเด็กนะค่ะ) แต่เพราะมีความเห็นแก่ตัวเยอะ 555+ แต่และแล้วกฎแห่งกรรมก็ทำให้ฉันได้มาลองสัมผัส ได้มีโอกาสมาทำหน้าที่คุณครูอยู่บ้านหรือครูพี่เลี้ยงนั้นเอง  และแน่นอนยิ่งทำก็ยิ่งได้เจอเด็กหลากหลายวัย  เหมือนได้ทดลองการเป็นคุณแม่ไปในตัว  อิอิอิ  แต่ที่แน่ๆ ฉันรู้สึกมีความสุขและเอนจอยกับงานที่ทำมากๆเลย


                 บางครั้งชีวิตก็ไม่ได้มีแบบแผนอย่างที่เราคาดหวังไว้ แต่สำหรับฉัน สิ่งที่ฉันหวังไว้มักจะเป้นสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอ และตอนนี้งานที่ฉันทำก็ทำให้ฉันมีความสุข  แน่นอนมักมีคนพูดว่า.....บางคนอาจได้ทำในงานที่รัก แต่ไม่ได้เงินตามที่เราต้องการ, บางคนได้เงินตามที่ต้องการ แต่ไม่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก ....สำหรับฉันตอนนี้ฉันมีความสุขมากที่ได้ทำทั้งงานที่ฉันรักและได้เงินที่อยู่ในระดับที่ฉันพอใจ  Really Happy ^0^